คลีนชีทคืออะไร? แมนยู กับเกมรับเปื่อยยุ่ยที่รอจดสถิติใหม่!

ในซีซั่นนี้ แมนยู ในมือของ เอริค เทน ฮาก มีปัญหาทั้งเกมรุกและเกมรับ โดยเฉพาะเกมรับพวกเขามักปล่อยให้คู่แข่งมีโอกาสยิงใส่หลายต่อหลายหนจนทำให้มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยที่สุดท้ายพวกเขาจะต้องเสียประตู

เชื่อหรือไม่ว่าจากเกมนัดล่าสุดทำให้ตอนนี้ แมนยู เสียประตูกับการลงเล่นในทุกรายการ 10 นัดติดต่อกันเข้าไปแล้ว

10 เกมที่ว่าประกอบด้วยเกม เอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศที่ชนะ ลิเวอร์พูล 4-3, เกมลีกที่เสมอ เบรนท์ฟอร์ด 1-1, เกมลีกที่พ่าย เชลซี 3-4, เกมลีกที่เจ๊า ลิเวอร์พูล 2-2, เกมลีกเสมอ บอร์นมัธ 2-2, เกมเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศที่เสมอ โคเวนทรี ซิตี้ 3-3, เกมลีกที่ชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 4-2, เกมลีกที่เสมอ เบิร์นลี่ย์ 1-1, เกมที่พ่าย คริสตัล พาเลซ 0-4 ในลีก จนมาถึงเกมกับ อาร์เซน่อล เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมา

หากถามว่าครั้งสุดท้ายก่อนหน้านี้ที่ แมนยู เสียประตูในทุกรายการติดต่อกันเยอะขนาดนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ คำตอบก็คือในช่วงปี 2021 โดยผลงานในช่วงนั้นประกอบด้วยการชนะ นิวคาสเซิ่ล ในลีก 4-1, แพ้ ยัง บอยส์ ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม 1-2, ชนะ เวสต์แฮม ในลีก 2-1, แพ้ เวสต์แฮม ในศึก คาราบาว คัพ รอบสาม 0-1, พ่าย แอสตัน วิลล่า ในลีก 0-1, ชนะ บียาร์เรอัล 2-1 ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก, เสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1 ในลีก, แพ้ เลสเตอร์ 2-4 ในลีก, ชนะ อตาลันต้า 3-2 ในศึกชิงถ้วยบิ๊กเอียร์ ปิดท้ายด้วยการพ่าย ลิเวอร์พูล แบบขาดลอย 0-5 ในลีก

ขณะเดียวกัน มันเท่ากับว่าฤดูกาลนี้ แมนยู เสียประตูกับการลงเล่นในทุกรายการไปแล้วถึง 82 ลูกเลยทีเดียว ซึ่งทำให้เป็นซีซั่นที่พวกเขาเสียประตูมากที่สุดเทียบเท่ากับเมื่อฤดูกาล 1970-71

ย้อนความหลังกันก่อนว่ากุนซือของทีมในช่วงเริ่มฤดูกาลนั้นคือ วิล์ฟ แม็คกินเนสส์ ที่ได้คุมทีมเป็นฤดูกาลที่ 2 แม้ว่าซีซั่น 1969-70 เขาจะพาทีมได้แค่อันดับ 8 ในลีก และไม่มีแชมป์อะไรติดมือเลยก็ตาม

ในซีซั่น 1970-71 "ปีศาจแดง" ภายใต้การคุมทีมของ แม็คกินเนสส์ ยังดูกระท่อนกระแท่น พวกเขาไม่ชนะใครในลีกเลยในช่วง 3 นัดแรก โดยหนึ่งในนั้นคือออกไปแพ้ อาร์เซน่อล 0-4 แถมพอผ่านไปสักพักพวกเขาก็ยังเคยพ่าย อิปสวิช ทาวน์ ที่บ้านของอีกฝ่าย 0-4 และแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คาบ้าน 1-4

เกมลีกกับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ปี 1970 คือครั้งสุดท้ายที่ แม็คกินเนสส์ ได้อยู่ในตำแหน่ง โดยเกมนั้น แมนยู เสียไปถึง 4 ประตู ก่อนจะได้ผลเสมอ 4-4 กลับบ้าน ซึ่ง แม็คกินเนสส์ โดนเด้งในอีก 3 วันให้หลัง ร้อนจน เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ คนที่อยู่ในตำแหน่งมาก่อน แม็คกินเนสส์ ต้องเข้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์

ถึงกระนั้น การกลับมาของ เซอร์แม็ตต์ ไม่ได้ทำให้เกมรับของ แมนยู เหนียวแน่นขึ้นแต่อย่างใด ที่จริง แมนยู เก็บคลีนชีทในลีกเพิ่มได้อีกแค่ 3 เกมเท่านั้นจาก 19 นัดที่ เซอร์แม็ตต์ อยู่ในตำแหน่ง นั่นคือเกมเชือด นิวคาสเซิ่ล 1-0 วันที่ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-0 และเกมเฉือน วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 1-0

ท้ายที่สุดแล้วฤดูกาลนั้น แมนยู เสียไปรวมแล้ว 82 ประตูตามที่กล่าวในเบื้องต้น แบ่งเป็น 66 ลูกในลีก, 2 ลูกใน เอฟเอ คัพ, 7 ลูกใน ลีก คัพ และ 7 ลูกใน วัตนี่ย์ คัพ (ถ้วยพิเศษของฟุตบอลอังกฤษที่เคยเตะกันแค่ 4 ปี) ซึ่งแน่นอนว่าซีซั่นดังกล่าว แมนยู ไม่มีแชมป์อะไรติดมือสักรายการเดียว แถมในลีกยังได้แค่อันดับ 8 อีกต่างหาก

ซีซั่นนี้ แมนยู ยังเหลือโปรแกรมอีก 3 นัด คือเกมลีกกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, เกมลีกนัดปิดซีซั่นที่ต้องไปเยือน ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน และศึก เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศกับ แมนซิตี้ ซึ่งมันมีโอกาสสูงเลยทีเดียวที่ทีมของ เทน ฮาก จะเสียประตูเยอะกว่าชุดซีซั่น 1970-71

นอกจากเตรียมจดสถิติใหม่เสียประตูแล้ว หากปราชัยเกมรับมือ "สาลิกาดง" ในคืนวันพุธนี้อีกจะทำให้ เทน ฮาก พาทีมแพ้คาบ้าน 10 เกมทุกรายการ ซึ่งมากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ 146 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร

สาวกผีแดงต้องเจอเรื่องชอกช้ำต่อเนื่องหรือไม่?

- เด็กเกร็ดบอล -