เชลซี พบ ลิเวอร์พูล : 5 สิ่งที่ผมได้เห็นในสนามเวมบลีย์

โดยปกติผมมักโพสต์บทวิเคราะห์หลังเกมในทันที แต่เที่ยวนี้คงพิเศษหน่อย เพราะไปนั่งซึมซับบรรยากาศที่เวมบลีย์ กับการชิงชนะเลิศ "คาราบาวคัพ" ของลิเวอร์พูล ปะทะ เชลซี

โดยแชมป์นั้นตกเป็นของลิเวอร์พูล อันเป็นสมัยที่ 10 

หลังจบเกมบรรยากาศพาไปให้ร่วมฉลองแชมป์ในเวมบลีย์ อยู่พักใหญ่ๆ อิ่มเอมกับเสียงตะโกนเชียร์ด้วยความดีใจของสาวกเดอะ ค็อป ที่รอวินาทีสำคัญในการชูถ้วยของ เวอร์จิล ฟานไดค์ 

จากนั้นก็มาฉลองกับกลุ่มคนไทยที่ไปชมเกมนี้ด้วยกันอย่างชื่นมื่นตามฟอร์ม 

กว่าจะถึง โรงแรมได้ก็เที่ยงคืนที่อังกฤษ (บ้านเรา 7 โมง) ถ้าตามเวลาบ้านเราก็ยันหว่าง 555

ว่ากันด้วยเรื่องของ "คาราบาว คัพ" นัดชิงจากสิ่งที่ผมได้เห็นในสนามเวมบลีย์

ทั้งเชิงสถิติและแทกติกการเล่น

1 เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นผู้จัดการทีมที่กล้าและบ้าบิ่นแต่ก็อยู่ในกรอบของเหตุผล

จากสภาพทีมที่ไม่พร้อมทั้ง โม ซาลาห์, ดาร์วิน นูนเญซ, ดีโอโก โชต้า, โดมินิก โซบอสไล, เคอร์ติส โจนส์,อลีสซง เบ็คเกอร์ เขาจำเป็นต้องใช้ 11 คนแรกที่มีและดีสุดลงสนาม บวกกับชื่อสำรองเด็กเยาวชนที่ม้านั่ง โดยไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะได้ใช้งานจริงๆ ก่อนเกม

จากการบาดเจ็บของ ไรอัน กราเฟนแบร์ก ที่โดน มอยเซส ไกเซโด เหยียบ จนเดี้ยง ทำให้เขาต้องปรับเปลี่ยนตัวและแทกติกบางจุด

ส่ง โจ โกเมซ มาแทน แล้วขยับ คอร์เนอร์ แบรดลีย์ ไปเล่นปีกขวา ดรอป ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ลงมายืนมิดฟิลด์ด้านขวา

จากนั้นช่วงครึ่งหลัง เปลี่ยน บ๊อบบี้ คลาร์ก ลงมาแทน แบรดลีย์ น.72 ซึ่งวิ่งทางขวาจนเหนื่อยล้า...เพราะไม่ใช่ปีกธรรมชาติ ก่อนที่น.87 คล็อปป์ จะส่งเด็กดาวรุ่งลงสนามอีกสองคน เจย์เดน แดนส์ แทน โคดี้ กัคโป , เจมส์ แมคคอนเนลล์  แทน อเล็กซิส แมค อลิสเตอร์ และ ซิมิกาส แทน รอบโบ้ 

ทรงนี้คือต้องการความสดจากนักเตะที่ลงไป เพราะที่อยู่ในสนามหลายคนสู้จนเหนื่อยล้าไปมาก ด้วยเข้าใจว่าเกมต้องลากไป 120 นาที

เรียกว่ากล้าเปลี่ยนเด็กที่ไร้ประสบการณ์ อย่าว่าแต่นัดชิงเลย เกมธรรมดาก็แทบไม่ได้สัมผัสกับทีม แล้วถอด แมคกา, กัคโป , รอบโบ ออก เพื่อสู้กับเชลซี

2 แทกติก เชลซี ไม่เวิร์ค

การเล่นแดนสองแบบหรือถอยรับหน้ากรอบเขตโทษแล้วรอจังหวะหงส์พลาด ไม่ได้ผลอย่างแท้จริง ในครึ่งหลัง แม้ครึ่งแรกมีโอกาสแต่ก็ไม่ผ่านมือ เคลละเฮอร์ ในจังหวะได้เสีย แต่ครึ่งหลังแทบไม่มีโอกาส เปิดบอลไม่แม่น และเด็กหงส์ยังช่วยกันตามมาสกัดกั้นได้ดี 

จนทำให้สงสัยว่าในช่วงต่อเวลาพิเศษทำไม เมาริซิโอ โปเชตติโน จึงไม่ยอมบุกใส่ทีมเด็ก5 คนของคลอปป์กลับยังเล่นแบบเขี้ยวๆเพื่อรอโต้กลับ แต่กลายเป็นมีโอกาสน้อยลง

3 ควีวิน เคลเลเฮอร์ "แมน ออฟ เดอะ แมตช์" แม้ลูกพี่ ฟานไดจ์ จะเป็นฮีโร โหม่งได้แชมป์ แต่คีวิน ทำให้ทีมอยู่ในเกมจนถึงวินาทีที่ 118 ของเกม ก่อนได้ประตูชัย สถิติ 13 เซฟ กับบิ๊ก เซฟ ครึ่งแรกของพาลเมอร์ รวมทั้ง จังหวะหลุดเดี่ยวอีกต่างหาก

4 แชมป์ของเด็กๆ 

สื่ออังกฤษชี้ประเด็นทีม อะเคเดมี ของหงส์แดงชนะทีมหมื่นล้านของ เสี่ยท็อด โบห์ลี่ 5 นักเตะอายุไม่ถึง 22 ปีในสนาม แดนส์ 18 แมคคอนเนลล์, คลาร์ก 19 , เอลเลียตต์และแบรดลีย์ 20 หัวหน้าเด็กคือ ยาเรลล์ ควอนซาห์ 21 ปี

5 เสาหลักทีมแชมป์

อย่างไรก็ตาม ถ้าให้เครดิตที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อแชมป์คาราบาว คัพของหงส์แดง ต้องเริ่มจาก เคลละเฮอร์ ที่ช่วยเซฟ และแน่นอน  ฟานไดจ์ ที่คุมเกมรับได้อย่างดีเยี่ยม รวมทั้งวาตารุ เอนโด ที่วิ่งอีกสองชั่วโมงก็ไม่หมดแรง ในการไล่แย่งบอล คุมพื้นที่ ช่วยเกมรับ จนสื่ออังกฤษกับแซวว่าโลกใบนี้ถูกคลอบคลุมด้วยน้ำ 70% ที่เหลือคือการ  cover ของ วาตารุ 

ลิเวอร์พูลครองแชมป์คาราบาวคัพ 2024 อย่างยอดเยี่ยมในสปิริตการเล่น การต่อสู้ การไม่ยอมแพ้ในเกม แลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงงานอย่างทรหด

นี่แหละเกมฟุตบอล.....ที่บางเกมอันสุดพิเศษเงินก็ซื้อไม่ได้ และทำให้เราได้เชียร์กันอย่างสุดชีวิตแบบนี้แหละครับ

JACKIE


ที่มาของภาพ : JACKIE
BY : JACKIE
อดิสรณ์ พึ่งยา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport