นับเป็นผลงานที่น่าทึ่งของทีมชาติฝรั่งเศสยุคนี้จริงๆ จากการที่พวกเขาเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของศึก ฟุตบอลโลก ได้อย่างน้อยถึง 2 สมัยติดต่อกัน จนถือเป็นทีมแรกนับตั้งแต่ บราซิล ที่เคยทำอย่างนั้นได้ 3 หนรวดระหว่างปี 1994-2002 และทำให้พวกเขามีโอกาสเป็นทีมแรกนับตั้งแต่ปี 1962 ที่ป้องกันแชมป์โลกได้ด้วย
ด้วยความที่ระยะห่างระหว่าง 2 ทัวร์นาเมนท์มันอยู่ที่ 4 ปี ทำให้มันเป็นเรื่องธรรมดาที่แกนหลักหลายคนจากชุดแชมป์ ฟุตบอลโลก 2018 จะยังเล่นให้ ฝรั่งเศส ในทัวร์นาเมนท์ครั้งนี้ ซึ่งในจำนวนนั้นก็คือ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ กับ อ็องตวน กรีซมันน์ 2 แนวรุกของทีม
ทั้งนี้ เอ็มบั๊ปเป้ กับ กรีซมันน์ สามารถทำประตูให้ ฝรั่งเศส ในนัดชิงชนะเลิศเมื่อ 4 ปีก่อนที่ชนะ โครเอเชีย 4-2 ได้ โดยอีก 2 ลูกมาจากผลงานของ ปอล ป็อกบา กับการทำเข้าประตูตัวเองของ มาริโอ มานด์ซูคิช นั่นทำให้ตอนนี้ เอ็มบั๊ปเป้ กับ กรีซมันน์ มีโอกาสที่จะทำประตูในนัดชิงดำของ ฟุตบอลโลก ได้ถึง 2 สมัย และในประวัติศาสตร์มันก็เคยมีคนทำอย่างนั้นได้เพียง 4 รายเท่านั้น ลองไปดูกันดีกว่าว่ามีใครบ้าง
- วาว่า (บราซิล)
เอ็ดวัลโด้ อิซิดิโอ้ เนโต้ หรือ วาว่า ถือเป็นตำนานของ วาสโก ดา กาม่า หลังจากลงเล่นให้ทีมไปถึงราว 456 นัดและทำได้ 191 ประตู ซึ่งใน ฟุตบอลโลก 1958 เขาทำผลงานได้สุดยอดด้วยการกดไป 5 ประตู เป็นรองเพียง เปเล่ เจ้าหนูมหัศจรรย์ของทีมในตอนนั้นเพียงคนเดียว โดยในรอบชิงดำเขาทำ 2 ประตูจนพา บราซิล ชนะ สวีเดน ชาติเจ้าภาพในครั้งนั้น 5-2
ขณะที่ในมหกรรมลูกหนังโลกอีก 4 ปีต่อมาที่ประเทศ ชิลี นั้น วาว่า ก็ยังเล่นได้น่าประทับใจด้วยการทำได้ 4 ประตูตลอดทั้งทัวร์นาเมนท์ โดยในนัดชิงชนะเลิศกับ เช็กโกสโลวาเกีย เขาทำได้ 1 ลูกจนพาทีมชนะไป 3-1 ส่งผลให้ บราซิล ป้องกันแชมป์โลกได้ แถม วาว่า ยังเป็นหนึ่งในดาวซัลโวสูงสุดของทัวร์นาเมนท์ดังกล่าวด้วย
- เปเล่ (บราซิล)
อย่างที่รู้กันดีว่า ฟุตบอลโลก 1958 เป็นทัวร์นาเมนท์ที่ เปเล่ สร้างชื่อให้กับตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม หลังจากทำได้ 6 ลูกตลอดทั้งรายการ โดยในรอบชิงชนะเลิศเขาก็ไม่น้อยหน้า วาว่า ด้วยการกดคนเดียว 2 ลูกเลยทีเดียว
"ไข่มุกดำ" มีโอกาสได้ลงเล่นนัดชิงชนะเลิศของ ฟุตบอลโลก อีกครั้งในปี 1970 ที่ประเทศเม็กซิโกเป็นเจ้าภาพ โดยที่ เปเล่ เป็นคนทำประตูขึ้นนำให้กับทีมได้ในนาทีที่ 18 ก่อนที่ บราซิล จะชนะ อิตาลี ไป 4-1 ซึ่งตลอดทั้งทัวร์นาเมนท์นั้น เปเล่ ทำไป 4 ประตู ขณะเดียวกันนั่นก็นับเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 3 ของ บราซิล ด้วย
- พอล ไบรท์เนอร์ (เยอรมัน ตะวันตก)
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่แฟนบอล เยอรมัน ตะวันตก จะตั้งความคาดหวังเอาไว้สูงในศึก ฟุตบอลโลก 1974 จากการที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพในครั้งนั้น ซึ่งสุดท้ายทีมรักของพวกเขาก็ทำได้ตามเป้า ด้วยการชนะ เนเธอร์แลนด์ 2-1 ในนัดชิงชนะเลิศ โดยที่ ไบรท์เนอร์ เป็นคนตีเสมอให้ทีมจากลูกจุดโทษในนาทีที่ 25 และนั่นก็ถือเป็นลูกที่ 3 ของเจ้าตัวในทัวร์นาเมนท์นั้น
8 ปีให้หลัง ไบรท์เนอร์ ได้มีส่วนร่วมกับนัดชิงชนะเลิศของ ฟุตบอลโลก อีกครั้ง เพียงแต่หนนี้มันจบลงด้วยความผิดหวังจากการแพ้ อิตาลี 1-3 แถมประตูของเขาที่สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน ยังเป็นเพียงประตูปลอบใจเท่านั้น เพราะมันเกิดขึ้นในช่วง 7 นาทีสุดท้าย ซึ่งเป็นตอนที่ทีมตามหลัง อิตาลี ไปแล้ว 3 ลูก และนั่นก็เป็นลูกเดียวที่เขาทำได้ในทัวร์นาเมนท์ดังกล่าว
- ซีเนดีน ซีดาน (ฝรั่งเศส)
แฟนฟุตบอลชาวฝรั่งเศสได้ดีใจกันลั่นประเทศในศึก ฟุตบอลโลก 1998 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพ หลังจากในนัดชิงชนะเลิศทีมชาติฝรั่งเศสสามารถคว่ำ บราซิล ไปได้ 3-0 โดยที่ ซีดาน ทำได้ถึง 2 ประตูในวันนั้น โดยก่อนหน้าที่จะถึงนัดชิงชนะเลิศนั้นเขายิงประตูไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
พอถึงศึก ฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมนีเป็นเจ้าภาพ ซีดาน ก็เกือบจะได้อำลาการรับใช้บ้านเกิดอย่างสวยหรู จากการยิงลูกจุดโทษเป็นประตูขึ้นนำให้กับทีมตั้งแต่นาทีที่ 7 แต่สุดท้ายเกมนั้นก็จบลงแบบฝันร้ายสำหรับเขาเมื่อเจ้าตัวเอาหัวโขกบริเวณหน้าอกของ มาร์โก มาเตรัซซี่ ในช่วงต่อเวลาพิเศษจนทำให้เขาโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ก่อนที่ ฝรั่งเศส จะไปแพ้ในช่วงดวลจุดโทษ โดยในรายการนั้น ซีดาน ทำไปรวมแล้ว 3 ประตู
- เด็กเกร็ดบอล -