บนแววตาเศร้าหมองก็มีการพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบออกมาจากแกเร็ธ เซาธ์เกตก่อนแพ็คกระเป๋าออกจากโรงแรมว่าเขาเองก็ยังไม่แน่ใจนักถึงอนาคตตัวเอง เขาอาจจะคุมอังกฤษต่อตามสัญญาถึงปี2024หรือว่าอาจจะต้องขอลงจากตำแหน่งก็ได้ กระนั้นในตอนนี้แนวโน้มของโอกาสที่ไปมีเยอะกว่าอยู่ต่อ
"ผมต้องการเวลาในการตัดสินใจ ผมคงทำงานต่อไปไม่ได้ถ้าไม่เหลือพลังงานเพียงพอ ทุกอย่างยังดูสับสนไปหมดในเวลานี้ดังนั้นผมจึงอยากขอเวลา"
พาทีมเข้ารอบตัดเชือกบอลโลก2018, ทะลุถึงรอบชิงยูโร2020และล่าสุดมาตกรอบแปดทีมสุดท้ายในเกมที่ถือว่าโชว์ฟอร์มได้ดีมากแล้วก็ย่อมถือว่าเป็นผลงานที่ควรภูมิใจได้โดยเฉพาะเอาไปเทียบกับกุนซือสิงโตหลายคนก่อนหน้านี้
หากอย่างหนึ่งแรงกดดันที่เซาธ์เกตเจอมาตลอดนับแต่เข้ารับงานต่อจากแซม อัลลาร์ไดซ์ถือว่าน่าเห็นใจ เขาไม่เคยเป็นคนที่ใช่ในสายตาของมหาชน
โอเค-บางคนสนับสนุนเขาเสมอเพราะบางคนที่ว่าเลือกมองที่สิ่งจับต้องได้มากกว่าเอาความเพ้อฝันมาเป็นที่ตั้ง
แน่นอนเหตุผลหลักเพราะนี่คืออังกฤษ นี่คือชาติที่ให้กำเนิดเกมลูกหนังและนี่คือประเทศที่มีลีกหมายเลขหนึ่งของโลก
"พอแล้วแกเร็ธ เราขอบคุณทุกอย่างที่คุณทำให้แต่เราต้องการโค้ชที่มีดีเอ็นเอของผู้ชนะเข้ามา คนที่พิสูจน์ตัวเองมาแล้ว"บางคอมเมนต์จากกองเชียร์สิงโตคำรามภายหลังแพ้ต่อฝรั่งเศส1-2
ตัวเซาธ์เกตเองก็รู้ถึงข้อนี้ เขาถึงขอเวลาในการรักษาแผลใจแล้วจะออกมาประกาศทางการว่าจะเอาอย่างไร จะอยู่หรือจะไป?
กรณีอยู่ต่อก็คงไม่มีอะไรแต่หากเลือกไปขึ้นมาก็เป็นงานใหญ่เลยที่ทางเอฟเอต้องหาคนเข้ามาแทนอันแน่นอนว่าก็ย่อมมีความเห็นที่แตกออกไปอีกจากหลายฝ่าย จากบอร์ดบริหาร, จากพวกอดีตนักเตะ, จากสื่อรวมถึงจากแฟนบอล
ยึดจากราคาต่อรองของบริษัทรับพนันถูกกฎหมายก็จะไล่ความเป็นไปได้ดังต่อไปนี้
4/1 เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่
5/1 โธมัส ทูเคิ่ล
7/1 เบรนดอน ร็อดเจอร์ส
10/1 เอ็ดดี้ อาว
14/1 เกรแฮม พอตเตอร์
16/1 แฟร้งค์ แลมพาร์ด, สตีฟ คูเปอร์, สตีฟ ฮอลแลนด์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด
18/1 เวย์น รูนี่ย์
ก็ชัดเจนว่าตามสายตาบ่อนพนันของผู้ดีนั้นมองว่าโอกาสที่จะเป็นโค้ชต่างชาติกลับมาคุมทีมนั้นมีสูงซึ่งด้วยความที่โปเช็ตติโน่กับทูเคิ่ลกำลังว่างงานพอดีด้วย ขณะเดียวกันวงในก็ยืนยันว่าทั้งสองก็อ้าแขนพร้อมฟังข้อเสนอจากเอฟเอเช่นกัน
อย่างไรก็ตามก็มีการคัดค้านออกมาว่าทำไมต้องหันไปเอาคนนอกด้วย ในเมื่อคนในที่มีฝีมือก็มีอีกทั้งโครงสร้างที่เซาธ์เกตได้สร้างและกำลังทิ้งไว้ให้ก็มาจากแนวคิดของคนอังกฤษนี่แหละ ยิ่งไปพิจารณาจากบอลโลกหนนี้ได้เลยว่าสี่ชาติที่ผ่านมารอบรองฯก็อาศัยคนในนี่แหละทำ จะฝรั่งเศส, อาร์เจนติน่า, โมร็อกโกหรือโครเอเชีย
ส่วนนับทั้งหมด32ชาติที่เข้ารอบสุดท้ายมากาตาร์ก็มีแค่ 9 ชาติเท่านั้นที่อิมพอร์ตกุนซือเข้ามาโดยมีแค่เกาหลีใต้(เปาโล เบนโต้, โปรตุเกส)เท่านั้นอีกต่างหากที่ได้เข้าสู่รอบน็อกเอาต์
นี่ก็ถือเป็นบางตัวอย่างว่าใช่ว่าเอาโค้ชจากต่างชาติมาทำแล้วจะประสบความสำเร็จ
ถูกต้องที่ว่ากวาดดูโค้ชสายเลือดบริติชแท้ๆในตอนนี้ก็แทบไม่มีเลยก็ได้ที่มีคุณสมบัติตรงตามที่พวกแฟนบอลต้องการ"มีดีเอ็นเอของผู้ชนะเข้ามา คนที่พิสูจน์ตัวเองมาแล้ว"
อย่างอาวเองถึงจะได้รับการชื่นชมวงกว้างกับนิวคาสเซิ่ลแต่ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เขายังต้องการผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันกว่านี้ ส่วนชอยส์ที่เหลือนั้นแลมพาร์ด? เจอร์ราร์ด? รูนี่ย์? กลุ่มนี้ถือเป็นผู้เล่นระดับตำนานของชาติแต่เส้นทางอาชีพโค้ชก็ยังลุ่มๆดอนๆอยู่
จุดนี้เป็นปัญหาสำคัญเลย
ปัญหาของความเป็นอังกฤษที่มักมีข้อโต้แย้งกัน เอาต่างชาติมาก็หาว่าสูญเสียขนบจารีตอีกทั้งยังไม่เข็ดอีกหรือกับคนก่อนนี้ทั้งสเวน โกรัน อีริคส์สันกับฟาบิโอ คาเปลโล่ ครั้นจะเอาคนในก็ดูหาที่เหมาะสมไม่มี
โค้ชอังกฤษคนสุดท้ายได้แชมป์ยุโรปก็เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสันกับบาร์เซโลน่าปี1997
โค้ชอังกฤษคนสุดท้ายได้แชมป์ลีกสูงสุดก็โฮเวิร์ด วิลกันสันกับลีดส์ ยูไนเต็ดปี1992
โค้ชอังกฤษคนสุดท้ายได้แชมป์เอฟเอ คัพก็แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์กับพอร์ทสมัธปี2008
เพียงแต่บางครั้งฟุตบอลก็ไม่ได้เป็นสมการที่แทนค่าได้ว่า1บวกกับ1ต้องเท่ากับ2เสมอ ดังนั้นทูเคิ่ลหรือโปเช็ตติโน่ก็อาจจะเป็นชาวดอยทช์หรืออาร์เจนไตน์ที่เนรมิตรอยยิ้มให้อิงลิชชนทั้งหลายก็ได้ อย่างเดียวกันถ้าเอฟเอจะเลือกจิ้มเอาคนในชาติไว้ก่อน
สำคัญที่สุดใครก็ตามที่เข้ามาต้องสานงานต่อจากที่เซาธ์เกตได้ทำไว้ได้ กลุ่มผู้เล่นหลายคนที่อายุยังน้อย ทีมสปิริตที่ยอดเยี่ยมตลอดไปจนลึกซึ้งว่าเก้าอี้ที่ตัวเองได้นั่งอยู่แบกความหวังของคน50ล้านเอาไว้
ใครควรมาแทนเซาธ์เกต?
นี่จึงคือคำถามที่เอฟเอน่าจะหาคำตอบได้ง่ายกว่าทุกครั้ง ในเมื่อทีมกำลังเดินมาถูกทางแล้ว อย่าทำเหมือนหนที่แล้วตอนแยกทางรอย ฮอดจ์สันแล้วไปสัมภาษณ์สตีฟ บรู๊ซกับราล์ฟ รังนิกแต่ไปเลือกบิ๊กแซมเข้ามาก็พอ...
"ไก่ป่า"