พวกเขาสะท้านเต็มอกตั้งแต่ก่อนลงสนามว่าหากผ่านฝรั่งเศสได้ก็จะเป็นโอกาสทองเลยที่ได้เข้าชิงฟุตบอลโลกหลังจากโมร็อกโกไปยืนรอในรอบตัดเชือกก่อนแล้ว
เปล่า-ไม่ได้ดูแคลนชาติจากทวีปแอฟริกาที่สร้างเซอร์ไพร์สแต่มันคือความรู้สึกลึกๆของความหวังว่ายังไงก็น่าจะดีกว่าโปรตุเกส
พวกเขาเองก็คงได้แต่นอนมองเพดาน หลายคนอาจพยายามข่มตาแล้วแต่ก็นอนไม่หลับโดยเฉพาะแฮร์รี่ เคน
พวกเขาก็มีแต่คำถามเต็มไปหมดในหัว...
คำถามเช่นเพราะอะไรถึงแพ้? พวกเขาเล่นกันได้ดีเยี่ยมเลย นี่อาจเป็นเกมที่โชว์ฟอร์มประทับใจสุดก็ได้ในการเจอทีมใหญ่ในยุคของแกเร็ธ เซาธ์เกต เรื่องนี้ทางโค้ชวัย52เองก็ยังให้สัมภาษณ์หลังเกม"มันยากที่จะยอมรับได้ นี่ถือเป็นเกมที่พวกเราทำกันได้ดีที่สุดแล้วตลอดเวลาที่ผมเข้ามาทำงานแต่สุดท้ายพวกเราก็ข้ามบางอย่างไม่พ้น"
สถิติก็บอกชัดเจน จะการครองบอลหรือการสร้างโอกาส
เอาค่ายอดนิยมในเกมลูกหนังยุคนี้มาตีแผ่ก็ด้วยซึ่งได้แก่ค่าxG(Expected Goals) อังกฤษ 2.59-ฝรั่งเศส1.32
ในมุมหนึ่งก็ต้องให้เครดิตทีมตราไก่ที่แสดงถึงว่าทำไมพวกเขาถึงเป็นแชมป์เก่าและยังอยู่ในเส้นทางป้องกันบัลลังก์ เกมเป็นรองก็อาศัยความเหนียวแน่นของเกมรับเป็นพื้นฐาน ลูกไหนที่ควรตัดฟาวล์ก็ทำโดยไม่รอ ขณะเดียวกันพอโอกาสของตัวเองมาถึงก็จัดการปิดจ็อบได้ซึ่งลูก2-1จากการโหม่งของโอลิเยร์ ชิรูด์ในนาที78นั้นก็มาจากจังหวะที่ดูไม่น่ามีอันตรายใดๆ
จะแววตาหรือน้ำเสียงของเซาธ์เกตก็สัมผัสได้ว่าเจ็บปวดแค่ไหน บางทีอาจหนักกว่าเมื่อสี่ปีก่อนในรัสเซียที่เสียท่าให้โครเอเชียรอบรองฯหรือว่าในนัดชิงยูโร2020กับอิตาลีด้วยซ้ำ เหตุผลหลักเพราะคืนนี้ลูกทีมของเขาทำทุกอย่างแล้วที่ควรได้รับการชูมือ
พลพรรคสิงโตคำรามจะต้องทำอะไรได้มากกว่านี้อีกครับ?
ผมไม่อยากชี้ว่าการทำหน้าที่ของวิลตัน ซัมปาโย่ ผู้ตัดสินชาวบราซิลเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้โมเมนตัมของเกมเปลี่ยนหรือเหวี่ยงไปหาฝรั่งเศส เรื่องนี้ใครที่ดูเกมก็ย่อมมองออกและคิดได้ ถึงกระนั้นความจริงสำหรับชาติที่ขนานนามตัวเองว่า'Home of Football'แล้วมันมีความซับซ้อนที่ลึกกว่านั้น
อย่างแรกเลยเนื่องจากพวกเขาทำกันได้ดีโดยในแง่หนึ่งก็ควรปลอบใจกับให้กำลังใจว่าในอนาคตรายการอื่นก็ไปแก้ตัวได้ ทีมชุดนี้ค่าเฉลี่ยทีมก็ยังอายุน้อยอยู่ พวกผู้เล่นวัยรุ่นก็ต้องเก๋าขึ้นแล้วจากบทเรียนครั้งนี้
สี่ปี่ก่อนกับโครเอเชียกับนัดชิงยูโรเจออิตาลีเป็นการแพ้ด้วยแท็กติกของฟุตบอลที่เป็นรอง ชั้นของเกมก็สู้กันไม่ได้ มันจึงต่างจากเมื่อคืนวันเสาร์ในสนาม'Al Bayt'ที่ดีไซน์ออกมาเหมือนเต้นท์อาหรับ
นึกๆดูความรู้สึกของอิงลิชชนตอนนี้ก็คงคล้ายกับปี1998กับอาร์เจนติน่าหรือว่าปี1990กับเยอรมันตะวันตก
คือเล่นได้ดีแล้วแต่สุดท้ายก็เจ็บปวด
เกมกับฝรั่งเศสทางเซาธ์เกตเองก็ทำเอาแปลกใจเล็กน้อยด้วยการวางหมาก4-3-3ลงโดยยึดชุดเดิมจากเกมถล่มเซเนกัล3-0เพราะด้วยความเป็นเขานั้นที่ผ่านมาในเกมสำคัญเจอชาติใหญ่มักปรับมาใช้ระบบแผงหลังสามคน
คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้??
ก็เป็น90นาทีที่แทบทำอะไรไม่ได้ในการเผชิญหน้ากับไคล วอล์คเกอร์รวมถึงบางทีก็มีตัวอื่นมาช่วยซ้อมอีกแรง
นี่ก็เป็นอีกข้อครับ คุณจัดการตัดนักเตะดีสุดของอีกฝั่งออกจากเกมได้แล้วแต่พอสิ้นนกหวีดยาวก็ยังเป็นฝ่ายเจ็บปวดอยู่เหมือนเดิม นี่ต่างหากคำถามสำคัญของอังกฤษ
ผมอยู่มาหมด ผมรับมาแล้วทุกรสชาติ ผมตามทำข่าวพวกเขามาตั้งแต่ลุยป่าอเมซอนในเวิล์ด คัพที่บราซิลไปถึงเกมสุดอัปยศในยูโร2016กับไอซ์แลนด์ ก็กล้าพูดเต็มปากเลยว่าความทรงจำอันเลวร้ายค่อยๆเลือนหายไปนับแต่เซาธ์เกตเข้ามา
ทีมดูมีรูปร่างดีขึ้น
ทีมดูมีทรงของสไตล์แน่นอนขึ้น
ทีมก็ดูมีหวังมากยิ่งขึ้น
อย่างต่อมาบอลน็อกเอาต์ก็มักลงเอยเช่นนี้ ทีมที่ทำได้เหนือกว่าในเกมก็ไม่จำเป็นว่าต้องได้เข้ารอบต่อไปซึ่งปีนี้ก็ได้เห็นแล้วจากโครเอเชียและโมร็อกโก
ถ้าเคนยิงจุดโทษลูกที่สองเข้า อย่างน้อยๆทีมทรี ไลอ้อนส์ก็ยังได้ลุ้นต่อช่วงต่อเวลาพิเศษต่อให้แม้ว่าจะไม่มีใครการันตีได้ว่าท้ายที่สุดพวกเขาจะไม่เจ็บปวดแบบเดียวกันนี้
ในโมเมนต์ชี้เป็นชี้ตาย ในวินาทีที่อาจเป็นจุดพลิกหน้าประวัติศาสตร์ พวกเขาล้มเหลวตลอดมายาวนานถึง56ปี
ก็ง่ายครับที่จะโยนความผิดให้ดาวยิงของท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส
หากความจริงก็คือชาติที่มีลีกลูกหนังหมายเลขหนึ่งคงตกในวังวนเดิมๆ คงผิดหวังในเรื่องเดิมๆต่อให้ตัวละครเปลี่ยนไปและคงเจ็บปวดอย่างที่คาดเดาไม่ได้เลยว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร
บางทีมันอาจไม่มีวันนั้น...
"ไก่ป่า"