อังกฤษ อกหักตกรอบฟุตบอลโลกอีกแล้วนะครับ หลังพ่ายแพ้แชมป์เก่าอย่าง ฝรั่งเศส ไปอย่างน่าเจ็บใจ
และนี่คือสิ่งที่ท่านผู้ชมทางบ้านอย่างผมอยากจะบอก
1. ขุมกำลัง และรูปเกมของพลพรรคสิงโตคำรามไม่ได้เป็นรองเลยนะครับ เพียงแต่เสียประตูง่ายไปหน่อยทั้ง 2 จังหวะที่ ฝรั่งเศส ไม่ได้บุกขย่มสร้างความกดดันให้พวกเขาสักหน่อย
ประตูแรกทั้งหลังและกลางถอยต่ำไปจนเข้าไปบล็อคไม่ทัน แถม ออเลเรียง ชูอาเมนี่ ก็ตะบันได้เด็ดขาดเหลือเกิน
ประตูที่ 2 ก็ปล่อยให้คู่แข่งเปืดเข้ามาง่ายๆ ก่อนป้องกันได้ไม่ดีพอ
2. ฝรั่งเศส ไม่ถึงกับเล่นดีเด่นเป็นสง่าอะไร ดูเหมือนจะต่ำกว่ามาตรฐานเสียด้วย แถมเฟอะฟะทำเสียจุดโทษง่ายๆ ถึง 2 ครั้ง 2 ครา
คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ก็ไม่ได้แผลงฤทธิ์อะไรมาก แต่บทจะได้ก็ได้มาแบบดื้อๆ ซะอย่างนั้น
3. จุดโทษที่ แฮร์รี่ เคน ยิงพลาดแสดงให้เห็นถึงความกดดันอย่างหนักหน่วง ด้วยแบกรับความหวังของคนทั้งประเทศ
สังเกตได้จากการตะบันเต็มข้อแบบเน้นแรงเอาไว้ก่อนอันบ่งถึงความไม่มั่นใจของเขา
เหตุเพราะเป็นการยิงครั้งที่ 2 ในเกมเดียวกัน หลังจากยิงครั้งแรกตุงตาข่าย มิหนำยังเจอนายทวารจากสโมสรเดียวกันที่รู้ไส้รู้พุงกันทำให้คิดมาก
4. พอถึงเวลาชี้เป็นชี้ตายแบบนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต แก้เกมด้วยการเปลี่ยนตัวแบบไม่ได้เรื่อง และปอดแหกอีกแล้ว
ประการหนึ่งมึงจะเปลี่ยนนักเตะที่ยังเล่นงานคู่แข่งอย่าง บูกาโย่ ซาก้า ออกทำแมวน้ำอะไร
ประการหนึ่งมึงเปลี่ยนตัวช้ามาก เช่นเดียวกับไม่กล้าเสี่ยง เพราะสถานการณ์นั้นมันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เมื่อทีมต้องการประตูก็ต้องส่งคนที่ยิงประตูดีๆ ลงมา แล้วเอากลางหรือหลังออกไปเลย
เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ควรถูกส่งลงมาครอสส์บอล และหัวหอกอย่าง คัลลั่ม วิลสัน ควรถูกส่งลงมาเสริมเกมรุก ไม่ใช่ตัวเลี้ยงอย่าง แจ็ค กรีลิช
5. อังกฤษ แพ้คู่แข่งอย่าง ฝรั่งเศส ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่แทบทุกครั้งที่โดนถีบตกรอบบอลโลกมักจะมีเรื่องซวยๆ เกิดขึ้นกับพวกเขาเป็นประจำ
ตัวอย่างเช่นปี 1998 ที่ เดวิด เบ็คแฮม ถูกไล่ออก ปี 2002 ถูกยิงจากครึ่งสนาม ปี 2006 เวย์น รูนี่ย์ ก็ถูกไล่ออก หรือปี 2010 ที่ประตูของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ถูกมองว่ายังไม่ข้ามเส้นอะไรแบบนี้
ล่าสุด แฮร์รี่ เคน คงนอนไม่หลับไปหลายคืน
โบนัส แทร็ค: ผู้ตัดสินเป่าได้บัดซบมากนะครับ สมควรถูกจับเอานกหวีดยัดเข้าไปในรูทวารหนักยิ่งนัก
บอ.บู๋