แฮตทริกฮีโร่! เรื่องราวชีวิตธรรมดาที่ไม่ธรรมดา "กอนซาโล่ รามอส" ผู้ได้ลงแทน โรนัลโด้

แฮตทริกฮีโร่! เรื่องราวชีวิตธรรมดาที่ไม่ธรรมดา "กอนซาโล่ รามอส" ผู้ได้ลงแทน โรนัลโด้
ตอนที่รายชื่อทีมชาติโปรตุเกสนัดเจอ สวิตเซอร์แลนด์ ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึก ฟุตบอลโลก 2022 ออกมาในตอนแรกนั้น หลายคนแปลกใจพอตัวที่ แฟร์นานโด ซานโตส เทรนเนอร์ของทัพ "ฝอยทอง" ตัดสินใจดร็อป คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมคนดัง

แน่นอน ก่อนหน้านั้นมันมีกระแสทั้งการเรียกร้องให้ดร็อป โรนัลโด้ และการที่ ซานโตส แย้มถึงเรื่องนั้นอยู่บ้าง แต่มีไม่กี่คนที่คิดว่าเขาจะทำอย่างนั้นจริงๆ แถมคนที่เขาเลือกใช้งานเป็นตัวจริงแทนยังเป็น กอนซาโล่ รามอส เจ้าหนูวัย 21 ปีที่ก่อนหน้านี้ได้ลงเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่รวมแล้วเพียงแค่ 33 นาทีเท่านั้นด้วย

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้ว รามอส ก็ตอบแทนความไว้เนื้อเชื่อใจของ ซานโตส ได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการทำแฮตทริกจนทำให้ทีมชนะไป 6-1 ส่งผลให้เขาเป็นคนที่ทำแฮตทริกได้เป็นคนแรกของศึก ฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความรู้จักถึง รามอส สักหน่อย

- สืบทอดสายเลือดนักฟุตบอล

 บิดาของ รามอส ได้แก่ มานูเอล เซนดาร่า รามอส โดยถึงแม้จะไม่ใช่คนที่โด่งดังอะไร แต่ว่า มานูเอล ก็เคยเป็นนักเตะอาชีพมาก่อน ดังนั้นมันจึงไม่น่าแปลกใจที่ รามอส จะเติบโตมาท่ามกลางกลิ่นอายของกีฬาลูกหนัง ไม่ว่าจะทั้งการได้ดูคุณพ่อเล่นสมัยที่ยังเป็นเด็ก ไปจนถึงการได้ซ้อมเล่นฟุตบอลกับบิดาของตัวเอง

- ชีวิตเยาวชน

 ด้วยความที่หลงใหลในกีฬาฟุตบอลอย่างมาก รามอส จึงตัดสินใจเดินตามรอยเท้าคุณพ่อของเขา โดยเขาเริ่มจากการเข้าอะคาเดมี่ของ โอลฮาเนนเซ่ ทีมในย่านท้องถิ่นเมื่อปี 2009 ก่อนที่ในอีก 2 ปีต่อมาจะไปอยู่กับ ลูเล่ ซึ่งสมัยที่ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ นั้นเขามักจะรับบทบาทเป็นกองกลางประเภทหมายเลข 8 แถมเจ้าตัวยังบอกว่าเคยทำได้ 30 ลูกต่อ 1 ฤดูกาลด้วย

เมื่อถึงปี 2013 รามอส ก็ได้รับโอกาสครั้งใหญ่เมื่อ เบนฟิก้า ทีมดังของประเทศสนใจในฝีเท้าของเขาจนถึงเขาไปเข้าอะคาเดมี่ของทีมในตอนที่เจ้าตัวมีอายุเพียง 12 ขวบ ก่อนที่เขาจะได้ประเดิมสนามกับ เบนฟิก้า บี หรือทีมสำรองของ "เหยี่ยวลิสบอน" ในวันที่ 13 มกราคม ปี 2019 โดยเป็นการถูกส่งลงไปในช่วง 6 นาทีสุดท้ายของเกมที่แพ้ บราก้า บี 2-3




- ช่วงแรกในทีมชุดใหญ่

 21 กรกฎาคม ปี 2020 คือวันที่ รามอส ได้ประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ของ เบนฟิก้า โดยเป็นการถูกเปลี่ยนลงไปในช่วง 5 นาทีสุดท้ายของเกม พรีเมยร่า ลีกา นัดที่ต้นสังกัดชนะ เดสปอร์ติโว่ ดาส อเวส 4-0 ซึ่งวันนั้นเขาทำได้ 2 ประตูทั้งที่ได้อยู่ในสนามแค่ไม่กี่นาทีด้วย

ตอนแรกชีวิตของ รามอส ทำท่าว่าจะสวยหรู หลังจากในฤดูกาล 2021-22 เขาได้มีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่มากกว่าเดิม แต่การเข้ามาของ โรมัน ยาเร็มชุค กับการที่ ดาร์วิน นูนเญซ หายจากอาการบาดเจ็บจนกลับมาทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำนั้น ส่งผลให้เขาไม่ค่อยได้รับโอกาสลงเล่นมากเท่าที่ควร จนทำให้ รามอส เคยคิดที่จะย้ายออกจาก เบนฟิก้า ในตลาดช่วงหน้าหนาวของซีซั่นดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม โชคชะตาก็เป็นใจกับเขาเมื่อ เบนฟิก้า แยกทางกับ เชซุส แล้วให้ เนลซอน เวริสซิโม่ มาคุมทีมแบบขัดตาทัพในช่วงเดือนมกราคม 2022 โดยที่ เวริสซิโม่ รู้จักฝีเท้าของ รามอส เป็นอย่างดี เพราะเขาเคยคุมทีมชุด บี ของ เบนฟิก้า มาก่อน และหลังจากนั้นเป็นต้นมา รามอส ก็เริ่มได้ลงเล่นมากขึ้น รวมถึงทำผลงานได้โดดเด่น

- ช่วงสร้างชื่อ

เมื่อวันที่ 13 เมษายน ปี 2022 รามอส ทำประตูได้ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง ที่ เบนฟิก้า บุกไปเสมอกับ ลิเวอร์พูล 3-3 ซึ่งนั่นทำให้เขาเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของ เบนฟิก้า ที่สามารถทำประตูให้ทีมในรอบน็อกเอาท์ของถ้วยนี้่ได้ จากการที่ตอนนั้นเขามีอายุเพียง 20 ปีกับ 297 วันเท่านั้น

พอถึงฤดูกาล 2022-23 รามอส ก็ได้รับการผลักดันให้เป็นกองหน้าตัวหลักของทีมมากขึ้นหลังจากที่ นูนเญซ ย้ายไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล และเขาก็โชว์ฟอร์มได้สุดยอด เพราะก่อนหน้าที่จะมาช่วยทีมชาติโปรตุเกสในศึก ฟุตบอลโลก 2022 นั้น เขาทำได้ถึง 14 ประตูจากการลงเล่น 21 นัดในทุกรายการ โดยในจำนวนนั้นเป็นการยิงในลีก 9 ลูกจาก 11 นัด แถมเขายังทำแฮตทริกแรกในอาชีพการค้าแข้งของตัวเองได้ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือก รอบ 3 นัดแรก ที่ทาง เบนฟิก้า ชนะ มิดทิลแลนด์ 4-1 เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาด้วย

- ความหลากหลาย

 รามอส เป็นที่ขึ้นชื่อลือชาจากการที่เขาเล่นได้หลายบทบาทในแนวรก ไม่ว่าจะเป็นหัวหอกตัวเป้าหรือในตำแหน่งหน้าต่ำ โดยเขารู้ดีว่าควรจะสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งระหว่างเกมยังไงเพื่อให้เข้ากับแต่ละสถานการณ์ ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาได้รับฉายาในบ้านเกิดว่า "โอ เฟยติเซยโร่" ที่แปลเป็นไทยได้ประมาณว่า "พ่อมด" เลย

- เด็กเกร็ดบอล -


ที่มาของภาพ : GETTY IMAGE / Lifebogger
BY : เด็กเกร็ดบอล
เด็กเกร็ดบอล
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport