เอลม่า อเวยโร่ พี่สาวของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตำหนิเพื่อนร่วมชาติบางคนที่แสดงท่าทีต่อต้าน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โดยบอกว่าหลายคนลืมบุญคุณที่น้องของตัวเองเคยทำเอาไว้
เอลม่า อเวยโร่ พี่สาวของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะกัปตันทีมชาติโปรตุเกส แสดงความไม่พอใจชาวโปรตุกีสหลายคนที่ตำหนิน้องชายของเธอ และทำตัวเหมือนกับว่าลืมไปแล้วว่าน้องชายของเธอเคยทำอะไรได้บ้าง หลังจากที่ล่าสุด โรนัลโด้ ออกสตาร์ตด้วยการเป็นตัวสำรอง ในเกม ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ โปรตุเกส ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 6-1 เมื่อวันอังคารที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมา
ประเด็นเรื่อง โรนัลโด้ อาจจะหลุดโผจากตัวจริงนั้นถูกพูดถึงตั้งแต่ก่อนเกมกับ สวิตเซอร์แลนด์ แล้ว หลังจาก โรนัลโด้ ออกอาการหงุดหงิดที่โดนเปลี่ยนตัวออกจากสนามในเกมกับ เกาหลีใต้ จนทำให้ แฟร์นานโด ซานโตส ไม่พอใจกับพฤติกรรมของเขา ขณะที่แฟนบอลส่วนหนึ่งของ โปรตุเกส ก็ต้องการให้ทีมชาติดร็อป โรนัลโด้ บ้างด้วย และสุดท้ายมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ โดยที่ โรนัลโด้ ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามในช่วงนาทีที่ 73
ทั้งนี้ ก่อนลงเล่นนั้น เอลม่า โพสต์ข้อความลง อินสตาแกรม เครือข่ายสังคมออนไลน์ชื่อดังว่า "วันนี้เรามารวมพลังกัน ถ้าคุณคิดว่ามันต้องเป็นอย่างนี้แล้วล่ะก็ ฉันก็จะขออยู่ดูมัน" โดยฟังดูแล้วเหมือนจะไม่มีอะไร
ในเวลาต่อมามีคนที่พิมพ์หา เอลม่า เพื่อบอกว่าไม่อยากจะเชื่อเลยว่า โรนัลโด้ โดนดร็อป โดยที่พี่สาวของแข้งวัย 37 ปีก็ตอบไปว่า "ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ และไม่เข้าใจการตัดสินใจนี้เลยด้วย แต่ฉันมั่นใจว่าเราจะได้รับคำตอบจากพระผู้เป็นเจ้าในภายหลัง พระองค์ไม่เคยพลาดอยู่แล้ว มารอดูกันดีกว่า" ซึ่งหากประเมินแล้วมันก็ยังไม่ใช่คำพูดที่ร้ายแรงมากนัก
อย่างไรก็ตาม เอลม่า มาจัดหนักในตอนที่จบเกมไปแล้ว โดยเธอบอกว่า "ยินดีด้วยนะ โปรตุเกส ใช่ โรนัลโด้ ไม่ได้เป็นอมตะ ใช่ โรนัลโด้ ไม่มีทางได้เล่นแบบตลอดชีวิต โชคร้ายที่ตอนนี้เขาทำประตูไม่ได้ เขาแก่แล้ว โปรตุเกส ไม่ต้องการ โรนัลโด้ อีกต่อไป"
"เราได้ยินมาหลายต่อหลายเรื่อง มันกลายเป็นว่าทุกอย่างที่เขาเคยทำได้มันไม่สำคัญอีกต่อไป สิ่งที่เขาเคยทำได้มันถูกลืมไปจนหมด ทุกวันนี้พวกเขาพูดประมาณว่า ขอโทษทีแต่เราไม่ต้องการเขาแล้ว ฉันจะจำเรื่องนี้เอาไว้แล้วเราจะมาคุยกันในวันหลัง"
"รุย ซานโตส (คอมเมนเตเตอร์ของ ซีเอ็นเอ็น ฉบับภาษาโปรตุเกส) บอกว่าเขาควรจะต้องออกมาขอโทษ เขาต้องขอโทษเรื่องอะไรกันล่ะ ? มันกลายเป็นว่าทุกวันนี้เราสามารถเล่นงานใครก็ได้ตามที่เราต้องการ มันเป็นเรื่องน่าอัปยศสุดๆ ที่มีการสร้างความอับอายขายหน้าให้กับคนที่ทำเพื่อทีมมาอย่างหนัก แต่หลังจากนี้เราคงจะได้เห็นอะไรแบบนี้อีกเยอะ"