เส้นทางของ ญี่ปุ่น ในศึกฟุตบอลโลก 2022 จบลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ หลังพ่าย โครเอเชีย จากการดวลเป้าตัดสินในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
และต่อไปคือสิ่งที่อยากจะบอก
1. เดินทางมาถึงจุดนี้ได้ก็ถือว่าเกินเป้าแล้วนะครับ
เพราะตอนถูกจับสลากไปอยู่กลุ่มเดียวกับอดีตแชมป์โลกอย่าง เยอรมัน กับ สเปน ในรอบแรกก็เสมอหนึ่งตายไปครึ่งตัวแล้ว
ทว่าพวกเขากลับเข้ารอบด้วยการเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มซะอย่างนั้น
พลพรรคซามูไรพลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะได้ทั้ง 'อินทรีเหล็ก' และ 'กระทิงดุ'
มิหนำยังไม่แพ้ 'รองแชมป์เก่า' อย่าง โครเอเชีย ในเวลา 120 นาทีอีกต่างหาก
สรุปลงเล่น 4 นัด ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 1 ยิงได้ 5 เสีย 4 ประตู
จึงอาจบอกได้ว่านี่คือผลงานอันไฉไลที่สุดของพวกเขาในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลโลกเลยทีเดียว
2. นี่คือ 'ทีมรอง' ที่เชียร์ขึ้นที่สุดใน เวิลด์ คัพ หนนี้แล้ว แถมยังน่าจะเป็น 'ทีมเชียร์ที่ 2' ของแฟนบอลชาติที่ปันใจให้อีกด้วย
ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันเล่นแบบไม่ย่อท้อ หรือถอดใจยอมแพ้ง่ายๆ ทั้งที่รูปเกมสู้ไม่ได้ในเกมที่พบกับ เยอรมัน และ สเปน
ผมชอบรูปแบบการเล่นและกลยุทธ์ที่พวกเขานำมาใช้เวลาเจอทีมที่เหนือกว่านะครับ
อันดับแรกคือเน้นเกมรับให้เหนียวแน่นเอาไว้ โดยเก็บตัวทีเด็ดในเกมรุกเอาไว้ใช้ในครึ่งหลัง ด้วยรูปแบบการเล่นที่แตกต่างกัน
หลังตกเป็นรองเรื่องสกอร์ใน 2 เกมที่เจอกับทีมระดับพญายักษ์ ญี่ปุ่น เปลี่ยนวิธีการเล่นเป็นการบีบสูงพลางบดบี้เข้าใส่ พลันจู่โจมแบบสายฟ้าฟาดพร้อมส่งตัวทีเด็ดอย่าง ทาคุมะ อาซาโนะ, คาโอรุ มิโตมะ และ ทาคูมิ มินามิโนะ ลงมา แล้วปรากฏว่าประสบผลสำเร็จซะด้วย
3. ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่พ่าย โครเอเชีย ตกรอบ
เกมของพวกเขาไม่ได้เป็นรองอะไรมาก มิเท่านั้นยังหาจังหวะเข้าทำแบบได้น้ำได้เนื้อกว่าด้วยซ้ำ
แต่ด้วยอิทธิเดชที่สำแดงออกมาให้เห็นในรอบแรกทำให้คู่แข่งอย่างทีมตราหมากรุกมีความระมัดระวัง และไม่ประมาทพลางหาวิธีรับมือกับจุดเด่นของพลพรรคซามูไรชุดนี้ เพื่อมิให้ตกอยู่ในสภาพเดียวกับ เยอรมัน และ สเปน ที่เคยถูกนักเตะจากแดนอาทิตย์อุทัยเล่นงานมาแล้ว
ไอ้ที่แพ้ก็ด้วยประสบการณ์ และความเยือกเย็นที่น้อยกว่าเท่านั้นเอง
4. ตอนดวลจุดโทษ
ญี่ปุ่น ชนะในการเสี่ยงเหรียญทั้ง 2 ครั้ง ทั้งในการเลือกแดน และยิงก่อนยิงหลัง
พวกเขาเลือกฝั่งที่กองเชียร์ตัวเองเยอะกว่า เช่นเดียวกับที่เลือกยิงก่อน (ได้เปรียบ)
แต่เมื่อถึงเวลาดวลกันแบบชี้เป็นชี้ตายกลับใจไม่นิ่งพอซะอย่างนั้น
เฉพาะอย่างยิ่งคนยิงคนแรกที่สำคัญมากอย่าง ทาคูมิ มินามิโนะ
แทนที่จะตะบันให้ตุงตาข่ายไปก่อน เพื่อมอบความกดดันให้คู่แข่ง พอยิงพลาดจึงกลับกลายเป็นการบั่นทอนกำลังใจของทีมตัวเอง
เพชฌฆาตเลือดบูชิโดที่พลาดเป้าทั้ง 3 คน สังหารจุดโทษได้ห่วยแตกมาก คือทั้งเบาไป และไม่ได้ทิศทาง
นึกถึงเรื่องนี้แล้วก็น่าเสียดาย เพราะคิดว่านักเตะสายพันธุ์ปลาดิบน่าจะทำได้ดีกว่าการแพ้จุดโทษแบบสบายๆ ชนิดที่ไม่ได้ลุ้นอะไรเลยแบบนี้
5. อย่างไรก็ตาม
มันก็แค่น่าเสียดาย แต่ไม่ใช่เรื่องน่าเสียใจอะไรเลย แถมยังชนะใจคนดูอีกด้วย
หลังสถาปนาตัวเองเป็นขาประจำของศึกฟุตบอลโลก
ญี่ปุ่น เดินทางมาถึงจุดที่สามารถห้ำหั่นกับทีมระดับโลกได้แบบถึงใจพระเดชพระคุณ แถมยัดเยียดความปราชัยให้คู่แข่งที่ชาติตระกูลลูกหนังสูงกว่า โดยผ่านเข้ารอบเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่ม
แม้สุดท้ายจะยังก้าวข้ามไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายไม่สำเร็จ ก็ถือเป็นการตกรอบอย่างภาคภูมิ
บอ.บู๋