หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้ามากประสบการณ์ จวกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ที่มักจะอยู่ตรงข้ามกับ อุรุกวัย เสมอหลังจบเกมที่พวกเขาชนะ กานา 2-0 เมื่อวันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม แต่ไม่ผ่านรอบแบ่งกลุ่ม ศึกฟุตบอลโลก 2022
ทัพ "จอมโหด" ทำผลงานได้อย่างดุดันก่อนจะมาได้ 2 ประตูจาก จอร์เจียน เดอ อาร์ราสแคต้า โดยพวกเขากำลังจะผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายอยู่แล้ว แต่ เกาหลีใต้ ดันมายิงประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บทำให้ทัพ "โสมขาว" หักปากกาเซียนคว่ำ โปรตุเกส 2-1
หากสกอร์เป็นแบบนี้นั้นหมายความว่า อุรุกวัย ต้องยิงให้ได้อีก 1 ประตูในเพื่อที่จะมีผลต่างประตูได้เสียเหนือกว่าเกาหลีใต้ แ ต่สุดท้ายทำไม่สำเร็จ จบเกมชนะ กานา แค่ 2-0 ส่งผลให้ต้องตกรอบแบ่งกลุ่มไปด้วยความเจ็บปวด
ซัวเรซ ซึ่งโดนเปลี่ยนตัวออกในช่วงท้ายเกม นั่งร้องไห้อย่างเจ็บปวดที่บ้านเกิดต้องยุติเส้นทางเวิลด์ คัพ ตั้งแต่ไก่โห่ พร้อมกล่าวโทษองค์กรลูกหนังโลก ที่ตั้งใจเป็นปรปักษ์กับ อุรุกวัย โดยเห็นได้ชัดจากการที่ไม่เป่า 2 จุดโทษให้พวกเขา "จังหวะที่เอดี้ (เอดินสัน คาวานี่)ถูกปะทะจนล้มต้องเป็นจุดโทษ และจังหวะของ ดาร์วิน ก็เช่นกัน"
"พวกเจ้าหน้าที่ของฟีฟ่า และคณะกรรมการผู้ตัดสิน ต้องให้คำอธิบายในเรื่องนี้ว่าอะไรคือพื้นฐานของพวกเขาในการตัดสินในการที่จะเป่าจุดโทษซึ่งวันนี้เราไม่ได้จุดโทษถึง 2 ครั้ง มันไม่ใช่การแก้ตัว แต่เราต้องการตอบโต้เรื่องที่เราไม่มีอำนาจ หลังจบเกมผมอยากเข้าไปพบกับลูกๆ ของผม และมีเจ้าหน้าที่ฟีฟ่าบอกผมว่าห้ามทำ"
"แต่พอเป็นพวกนักเตะฝรั่งเศสกับสามารถอยู่กับลูกๆ ของพวกเขาที่ซุ้มม้านั่งสำรองได้เฉยเลย มันดูเหมือน อุรุกวัย ต้องมีอำนาจมากกว่านี้ ฟีฟ่ามักจะเป็นปรปักษ์กับ อุรุกวัย เสมอ เราทุ่มเทผลงานที่ดีที่สุด เราหวังอย่างเต็มที่ เราขอโทษที่ไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบต่อไป"
"เราเสียใจเพราะเราทำดีที่สุดแล้ว เรายิงประตูได้แต่ผลลัพธ์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรา เราต้องวิเคราะห์ในเรื่องนี้ แต่ทุกอย่างผ่านไปแล้ว และไม่เหลืออะไรให้เราทำอีกแล้ว เรามีโอกาสหลายครั้งที่จะยิงประตูที่สาม"
"ตอนที่เวลาผ่านมาถึงนาทีที่ 80 เราผ่านเข้ารอบต่อไป เรามีโอกาสสี่หรือห้าครั้งในช่วงท้ายเกม แต่โชคร้ายเหลือเกินที่เรายิงประตูเพิ่มไม่ได้" ตำนานดาวยิง ลิเวอร์พูล และ บาร์เซโลน่า กล่าวทิ้งท้าย