ถึงอังกฤษจะเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มด้วยผลงานชนะ 2 เสมอ 1 ได้ 9 เสีย 2 แต่น้อยคนก็ยังมองว่าพวกเขามีคุณสมบัติคู่ควรกับตำแหน่งแชมป์โลก มันก็มีเหตุผลของคนหมู่มากเช่นก็คู่แข่งในสายก็แค่อิหร่าน, ยูเอสเอและเวลส์ อีกข้อที่สำคัญโดยฝังลึกมานานแล้วก็เพราะเซาธ์เกตเป็นโค้ช
อย่างไรก็ตามชิ้นหลักฐานจากสนามอาหมัด บิน อาลีเมื่อคืนอังคารก็ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เอาซะเลยที่ความเจ็บปวดยาวนาน56ปีอาจสิ้นสุดลงบนผืนแผ่นดินตะวันออกกลาง
ที่ผ่านมาชาติที่ก้าวขึ้นไปชูถ้วยแชมป์โลกก็มีให้เห็นเสมอว่าต้องมาแบบตะกุกตะกัก คือประเภทกำชัยสง่างามตั้งแต่นัดแรกนั้นอย่าคาดหวัง ยิ่งกับทีมทรี ไลอ้อนส์ทีมนี้ด้วยแล้วก็เป็นเรื่องที่พวกเขาเคยชินที่สุดกับสายลมที่ไม่ได้หวังดีจากรอบนอก
ก็ไม่ผิดใครจะคิดว่าแค่อิหร่านหรือเวลส์
อยากสะกิดเตือนว่าทัวร์นาเมนต์นี้ซาอุฯก็ล้มอาร์เจนติน่ามาได้แล้ว ขณะเดียวกันเยอรมันก็ปีกหักด้วยน้ำมือของญี่ปุ่นมาเช่นกัน
เพราะมันคือฟุตบอล?? นี่คือฟุตบอล??
เยส!!
ยิ่งนึกย้อนไปก็อังกฤษเดียวกันนี่แหละที่เคยพังไม่เป็นท่ากับชาติอย่างไอซ์แลนด์อย่างน่าขายหน้าหรือย้อนลึกกว่านั้นกับแอลจีเรียก็ด้วย สถิติก็ยืนยันดังนั้นว่าก่อนเซาธ์เกตจะเข้ามาคุม ก็ชนะได้แค่ 4 จาก 12 เกมในรอบแบ่งกลุ่มเวิล์ด คัพ
ถามว่าผู้เล่นชุดนี้ดีกว่าชุดก่อนๆหน้านั้นใช่ไหม?
ก็อาจจะใช่
นี่ไงแง่บวกที่ทำให้ผมแอบรู้สึกลึกๆว่าเซาธ์เกตอาจจะทำให้ทุกคนเซอร์ไพร์สได้เหมือนสี่ปีก่อนในรัสเซียหรือว่าในยูโรที่ผ่านมา
ก่อนนี้จะฟาบิโอ คาเปลโล่, รอย ฮอดจ์สันรวมถึงสเวน โกรัน อีริคส์สันจึงไม่ได้ยินเพลง'It's coming home'เลย ในเมื่อมันมีแต่'We going home'มาอย่างเดียว
เกมกับทีมมังกรแดงทางเซาธ์เกตเปลี่ยนทีม 4 ตำแหน่งจากคืนทำได้แค่เสมอเมริกาอย่างน่าผิดหวังโดยไคล วอล์คเกอร์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, มาร์คัส แรชฟอร์ดและฟิล โฟเด้นได้ลงตัวจริง ข้อนี้แสดงว่าพวกเขามีตัวเลือกที่ฝีเท้าใกล้เคียงกันให้เลือก นี่คือจุดแข็งที่ไม่ได้ส่งผลดีเรื่องการจัดตัวเท่านั้นแต่ย่อมทำให้มีการแข่งขันในทีมอีก
เซาธ์เกตย่อมปวดหัวแน่กับการวาง11ตัวจริงในเกมเจอเซเนกัลวันอาทิตย์นี้ ก็แรชฟอร์ดที่ได้ออกสตาร์ทเกมหนแรกนับแต่แมตช์อุ่นเครื่องกับโรมาเนียก่อนศึกยูโร2020ซึ่งก็กว่า17เดือนมาแล้วระเบิดฟอร์มสุดยอดเหมาคนเดียวสองลูก
ลูกแรก-ฟรีคิก25หลา
ลูกสอง-โชว์สเตปพาบอลหลุดเข้าไปซัลโว
ขณะเดียวกันโฟเด้นก็โดดเด่นในการสร้างสรรค์เกมให้อังกฤษ ว่าไปสิ่งนี้เราเห็นประจำยามที่เขาสวมยูนิฟอร์มสีฟ้าให้แมนฯซิตี้ นอกจากนั้นเจ้าตัวก็ยังพังตาข่ายได้ด้วย
น่าสนใจว่าเซาธ์เกตจะเลือกใครกับออพชั่นที่นอกจากแรชฟอร์ดกับโฟเด้นก็ยังมีราฮีม สเตอร์ลิ่งกับบูกาโย่ ซาก้าที่เป็นเจ้าของสัมปทานเดิมมาก่อน ถูกต้องว่าเป็นงานที่ปวดหัวครับแต่เป็นเรื่องปวดหัวที่โค้ชทุกคนรักอยากจะเจอ นอกจากนั้นยังมีเหตุผลอีกบางข้อที่ทำให้อังกฤษทีมนี้อยู่ในสถานะที่พร้อมลบคำสบประมาทว่ายังไงก็ไปไม่ถึงหรอกตำแหน่งแชมป์โลก
กรณีของสไตล์นำเสนอชอบตีเซฟมากกว่าทุ่มสุดตัวเพื่อเสี่ยง ตลอดเวลา6ปีที่นั่งเก้าอี้ตัวที่เต็มด้วยความกดดันบนหลังสิงโตก็แสดงจุดยืนชัดเจนอย่างนั้น เขาจึงมักตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของแฟนบอลตลอดมา
กระนั้นในอีกด้านถือเป็นจุดแข็งของขุนพลทรี ไลอ้อนส์ทีมนี้เช่นกัน การพาทีมทะลุถึงรอบตัดเชือกตามด้วยรอบชิงติดต่อกันก็มาจากพื้นฐานของเกมรับ
น่าเหลือเชื่อจริงไหมที่แฮร์รี่ แม็กไกวร์โชว์ผลงานยอดเยี่ยมตลอดสามเกมที่ผ่านมาต่อให้จะแทบไม่ได้มีส่วนร่วมกับแมนฯยูไนเต็ดในซีซั่นนี้ นี่ก็เป็นเพราะเซาธ์เกตอาศัยใจซื้อใจ คนที่เคยร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาก็ใช่ว่าต้องเฉดหัวทิ้งยามตกอับ
เสียไปแค่ 2 ลูกในรอบแบ่งกลุ่มให้กับอิหร่านโดยว่าไปตอนนั้นสกอร์ก็นำขาดแล้วจึงทำให้ตามประสาที่โฟกัสกับเกมจึงมีหลุดไปบ้าง
ต่อมาอังกฤษยิงได้ 9 ประตูจากสามเกมโดยที่ไม่มีแฮร์รี่ เคนมีชื่อบนสกอร์บอร์ดเลย ทว่าเซาธ์เกตเองก็ยังยิ้มได้ เขายังให้สัมภาษณ์ด้วยว่าเป็นเรื่องดีเพราะคู่แข่งก็จับทางยากด้วย อีกข้อก็บ่งชี้ว่าทีมของเขามีตัวทีเด็ดที่ไม่ใช่ว่าอะไรๆกับต้องเคน
อย่างไรก็ตามยอดกองหน้าของสเปอร์สก็มีบทบาทกับทีมเยอะอยู่ดี ไม่ว่าจะการเก็บบอลไว้กับตัวเพื่อรอเปิดเกม ความชาญฉลาดในการเรียกฟาวล์จากคู่แข่งไปจนถึงแอสซิตส์ให้เพื่อน(ทำไปแล้ว 3 แอสซิตส์)
อย่าลืมด้วยว่าอีกสองลูกเท่านั้นเคนก็จะทำสถิติซัลโวสูงสุดให้สิงโตคำรามเทียบเท่าเวย์น รูนี่ย์ นี่เป็นเป้าหมายส่วนตัวของเขา ดังนั้นจงอย่าประหลาดใจหากเคนจะกลับมาคลำเป้าได้ในรอบน็อกเอาต์ที่กำลังมาถึงนี้
ยิ่งเข้ารอบลึกก็ต้องเจอคู่แข่งที่ยากยิ่งขึ้นซึ่งด้วยสไตล์การทำทีมแบบเซาธ์เกตแล้วก็ยังสามารถมองได้ว่าบอลนัดเดียวแบบนี้แหละอาจจะเหมาะกับพวกเขา ย้อนไปในยูโรก็แบบนี้ที่รอบแบ่งกลุ่มทำได้แค่สองลูกเท่านั้นแต่ก็กรุยทางไปจนถึงนัดชิงได้
เซาธ์เกตยังเป็นโค้ชที่ละเอียดชูเกมรับมาก่อน บอลรอบน็อกเอาต์ที่บางทีขอเพียงประตูเดียวก็ตัดสินเกม เป็นรอบที่ไม่อนุญาตให้มีการผิดพลาดได้เลยจึงอาจกลับมาซ้ำรอยเดิมก็ได้ แม้จะไม่สวยงามแต่ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ
ฟุตบอลไม่เคยออกแบบได้...
ผมมักสื่อสารด้วยประโยคข้างต้นมาตลอด มันเป็นเสน่ห์ เป็นความคลาสสิคและเป็นสิ่งที่ทำให้คนจำนวนมากลุ่มหลงกับเจ้าลูกกลมๆ ความจริงก็คืออังกฤษไม่น่าจะได้แชมป์หรอกโดยเมื่อเอาไปเทียบกับชาติอย่างบราซิลหรือแม้กระทั่งฝรั่งเศสที่ต่างดูครบเครื่องกว่า
ไม่รู้ซิ อย่างน้อยประวัติศาสตร์ร้อยกว่าปีของโลกลูกหนังก็มีเรื่องชวนให้ฝันมานักต่อนัก อย่างยิ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามที่คนคาดเดาก็คงเป็นอรรถรสจืดชืดที่สุดของเกมกีฬาที่ใครต่างได้ลองก็ต้องติดใจถึงรสชาติอันกลมกล่อม
เซาธ์เกตจะเป็นอัศวินควบม้าขาวผู้ลบล้างความเจ็บปวด 56 ปีให้อิงลิชชน?
แค่จินตนาการก็ได้ยินถึงเสียงหัวเราะดังออกมา
(หากบางทีมันอาจเป็นเรื่องที่ดี...)
"ไก่ป่า"