โค้ชจัดตัวขัดใจ! 5 ประเด็นร้อนหลังเกมซามูไรดาบหัก

โค้ชจัดตัวขัดใจ! 5 ประเด็นร้อนหลังเกมซามูไรดาบหัก
ญี่ปุ่นลงสนามนัดที่สอง ในฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ผลงานไม่เป็นไปตามเป้า หลังเสียท่าถูก คอสตาริกา ทีมตัวแทนจากโซนคอนคาเคฟ เฉือนหวิวช่วงท้ายเกม 1-0 ส่งผลให้ "ซามูไรบลูส์" ลงเตะ 2 นัด มี 3 แต้ม ต้องไปลุ้นถึงฎีกานัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มคืนวันพฤหัสบดีที่ 1 ธ.ค.นี้ ช่วงตี 2 ต่อไป

สำปหรับ 5 ประเด็นจากเกมนี้ของนักเตะจากแดนอาทิตย์อุทัย มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้ !

1. โรเตชั่นเกือบครึ่งทีม

ฮาจิเมะ โมริยาสุ เทรนเนอร์ซามูไรบลูส์ ปรับทัพจากเกมเอาชนะ เยอรมนี 2-1 ถึง 5 ตำแหน่ง ส่ง 2 นักเตะจากเจลีก ญี่ปุ่น ทั้ง มิกิ ยามาเนะ แบ็คขวาคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ เพื่อนร่วมทีมของ "เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ กับยูกิ โซมะ ปีกซ้ายนาโกย่า แกรมปัส ลงบู๊ก่อน  ส่วนอีก 3 รายใช้ ฮิเดมาสะ โมริตะ มิดฟิลด์สปอร์ติง ลิสบอน ในลีกโปรตุเกส, อายาเสะ อูเอดะ หัวหอกเซอร์เคิล บรูช ในลีกเบลเยียม รวมถึงริตสึ โดอัน ปีกขวาเอสซี ไฟร์บวร์ก ในบุนเดสลีก้า เยอรมนี ผู้ที่ทำประตูในเกมที่แล้วประเดิมตัวจริงเช่นกัน

ระบบการเล่นจัด 4-2-3-1 ตามสูตรถนัด แม้จะมีการปรับหลายตำแหน่งตั้งแต่แผงเกมรับจนถึงเกมรุก ดร็อปทั้ง ไดเซน มาเอดะ, จุนยะ อิโตะ, เอโอะ ทานากะ โดยเฉพาะ "เมสซี่ญี่ปุ่น" ทาเคฟุสะ คุโบะ เช่นเดียวกับ ฮิโรกิ ซากาอิ ที่มีปัญหาบาดเจ็บ แต่ผู้เล่นที่ส่งลงมาแทนนั้นก็ทดแทนกันได้เป็นอย่างดี

2. ครึ่งแรกคือยานอนหลับชั้นดี


45 นาทีแรกทั้งสองทีมเล่นได้ค่อนข้างสูสี ทำให้รูปเกมอึดอัดจริงๆ โดยฝั่งญี่ปุ่นอาจจะดูดีกว่าเล็กน้อยในเรื่องของการครองบอล ทว่าพอจะพาบอลเข้าไปสู่พื้นที่สุดท้าย กับจ่ายบอลกันพลาดบ่อยครั้ง ทำให้โอกาสเจาะตาข่ายไม่มีเลยชนิดที่ เกย์ลอร์ นาบาส นายทวารกัปตันทีมคอสตาริกา ไม่ได้ออกแรงเซฟเลย มิหนำซ้ำการเคลื่อนบอลของญี่ปุ่นยังไปกันช้ามาก แถมบอลก็ไปไม่ถึงแดนหน้าอีก ทำให้ อายาเสะ อูเอดะ กองหน้าตัวความหวังซามูไรที่ได้รับโอกาสลงตัวจริงก่อนในเกมนี้ เงียบหายไปจากเกมโดยปริยาย จนสุดท้าย "อูเอดะ" ก็ต้องถูกถอดออกตามระเบียบหลังจบครึ่งแรก

3. เปลี่ยนตัวช้า,แท็กติกขัดใจแฟนบอล

กุนซือวัย 54 ปี ตัดสินใจปรับหมาก 2 ตำแหน่งตั้งแต่ออกสตาร์ตครึ่งหลังส่ง ทาคุมะ อาซาโนะ กับฮิโรกิ อิโตะ ลงมาแทนที่ อายาเสะ อูเอดะ กับยูโตะ นากาโตโมะ เกมช่วงต้น เริ่มเหมือนจะดูวูบวาบขึ้นมาทันที แต่ก็เป็นเพียงแค่ช่วงสั้นๆเท่านั้น พริบตาเดียวเกมดันกลับไปเหมือนกับครึ่งแรกไม่มีผิด เท่านั้นไม่พอการเปลี่ยนตัวช่วงครึ่งหลังขัดใจแฟนบอลจริงๆ ผ่าน 60 นาที 70 นาที ก็แล้ว เกมของญี่ปุ่นก็ยังไม่ดีขึ้นมาเอาเสียเลย แถมคอสตาริกาตั้งรับคุมโซนกันได้อย่างมีวินัยอีก จึงทำให้การเจาะเข้าทำประตูจัดได้ว่าไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ขาดๆเกินๆทั้งเกม

4. "กัปตันโยชิดะ" ติดประมาท


ดูเหมือนว่าญี่ปุ่น อาจดูชะล่าใจยังไงชอบกล ตั้งแต่การจัดตัว รูปแบบเกม ระบบวิธีการเล่น เสมือนคิดว่าจะเคี้ยวกล้วยหอมง่ายๆ แต่สุดท้ายดันมาตกม้าตายลื่นเปลือกกล้วยตัวเอง จนเกิดโศกนาฏกรรมทางลูกหนังช่วงท้ายเกมมาเสียประตูให้กับคอสตาริกาจนได้จากประตูชัยของ เคย์เชอร์ ฟูลเลอร์ ในนาทีที่ 81 ของเกม จังหวะประตูชัยนี้แทบไม่มีอะไรเลย เป็นจังหวะที่ มายะ โยชิดะ กองหลังกัปตันทีมญี่ปุ่น ที่ไม่ยอมเคลียบอลทิ้งไปไกลๆ แต่ดันทุลังไปแตะบอลต่อให้เพื่อนจนบอลนั้นยาวไปเข้าทาง เยลต์ซิน เทเยด้า ก่อนปาดให้กับ เคย์เชอร์ ฟูลเลอร์ ได้ตั้งป้อมปั่นด้วยขวาแบบโล่งๆส่งบอลเสียบเสาไกลเข้าไปตุงตาข่าย




5. "โมริยาสุ" รู้จักนักเตะถึงแก่นแท้หรือไม่

เป็นคำถามตั้งแต่ก่อนเกมนี้จะเริ่มขึ้นจนมาถึงจบเกมพ่ายคอสตาริกา เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนบอลญี่ปุ่นในทวิตเตอร์ ตลอดจนแฟนบอลชาวไทยในโลกออนไลน์จำนวนมา และเป็นการโจมตีเจาะจงไปที่ ฮาจิเมะ โมริยาสุ กุนซือทีมชาติญี่ปุ่น อย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่าเฮดโค้ชชาวจังหวัดชิซุโอกะคนนี้ จัดตัวได้ค่อนข้างขัดตาแฟนบอล ตัวหลักๆที่เล่นได้ดีกับสโมสร อาทิ คาโอรุ มิโตมะ ปีกจอมลากเลื้อยของไบรท์ตัน ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ รวมถึงทาคุมิ มินามิโนะ อดีตแนวรุกลิเวอร์พูล ที่ปัจจุบันค้าแข้งกับโมนาโก ในลีกเอิง ฝรั่งเศส ถูกจับให้เป็นตัวสำรองสองเกมติด

แฟนบอลพอเข้าใจได้กับตัวหลักอีกรายอย่าง ทาเกฮิโระ โทมิยาซุ แนวรับสารพัดประโยชน์ของอาร์เซนอล ที่ยังไม่ฟิตเต็มร้อย แต่ชื่อที่เอ่ยมานั้นเพราะเหตุใดถึงไม่ได้ส่งลงสนามเป็นตัวจริง แต่ดันส่งมาในช่วงครึ่งหลัง "มิโตมะ" ลงมานาทีที่ 62 ส่วน "มินามิโนะ" ลงมานาทีที่ 82 ซึ่งแทบมีเวลาไม่มากพอให้เปลี่ยนเกม

งานนี้โอกาสเข้ารอบของกลุ่ม อี โดยเฉพาะญี่ปุ่น เกมสุดท้ายต้องเจอศึกหนักหนาสาหัสชนิดกระอักเลือดปะทะ "กระทิงดุ" สเปน อดีตแชมป์โลก 1 สมัยเมื่อปี 2010 ที่กดคอสตาริกา ยับเยิน 7-0 อีกด้วย บอกเลยว่าแฟนบอลชาวไทยที่ตามเชียร์แข้งซามูไรบลูส์ ลุ้นเหนื่อยแน่นอน

อุตส่าห์โค่นอดีตแชมป์โลก 4 สมัยอย่างเยอรมนี มาได้แบบสวยงาม แต่ดันมาพลาดท่าให้กับคอสตาริกา และรู้หรือไม่ว่า การที่คอสตาริกา ชนะญี่ปุ่นในเวิลด์คัพหนนี้ คือชัยชนะนัดแรกของพวกเขาในรอบ 8 ปี ไม่พอยังเป็นการเก็บคลีนชีตนัดแรกของคอสตาริกาในรอบ 8 ปีบนเวทีฟุตบอลโลกอีกด้วย 

" กอล์ฟ เบนเทเก้ "


ที่มาของภาพ : gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport