งานนี้ต้องลุ้นกันนัดสุดท้าย! เจาะ 5 ประเด็น อังกฤษ เจ๊าจืด สหรัฐฯ

1. แดนกลางอเมริกาสู้ได้ดี

สหรัฐอเมริกา มาด้วยระบบการเล่นโดยเน้นใช้ 2 มิดฟิลด์ในการขับเคลื่อนสู้กับแดนกลาง อังกฤษ และแผนนี้ก็ประสบความสำเร็จโดยความดีความชอบต้องยกให้ ไทเลอร์ อดัมส์, เวสตัน แม็คเคนนี่ และ ยูนุส มูซาห์ ที่เล่นกันได้อย่างเข้าขาและสามารถจัดการกับยอดแข้งอย่าง จู๊ด เบลลิงแฮม กับ เดแคลน ไรซ์ ได้อยู่หมัด

แผนการเล่นแบบนี้ทัพ "ลุงแซม" มีการเตรียมตัวกันมาเป็นอย่างดี โดยทำให้แดนกลางของ อังกฤษ ไม่สามารถเล่นในเกมที่ถนัดของพวกเขาได้โดยเฉพาะการผ่านบอลไปให้กับแนวรุก ด้วยเหตุนี้ แฮร์รี่ เคน ก็เลยจำเป็นต้องขยับลงมาลึกเพื่อเอาบอล ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพของเขาลดถอนไปด้วย 

จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าตลอดทั้งเกม ไรซ์ ได้ครองบอลเยอะมาก แต่เขาไม่สามารถส่งบอลให้กับเพื่อนร่วมทีมได้เนื่องจากโดนแข้งสหรัฐฯ ตามประกบติดเป็นเงาตามตัว ขณะที่ เบลลิงแฮม ก็เล่นไม่ออกจนต้องโดนเปลี่ยนตัวในช่วง 20 นาทีสุดท้าย 

2. จังวะการเล่นของ อังกฤษ ยังใช้ได้

มีหลายอย่างที่ถือว่าดีมากๆ ในช่วงต้นเกม โดย แฮร์รี่ เคน มีโอกาสที่จะทำประตูให้กับทีมขึ้นนำในช่วงนาทีที่ 9 แต่น่าเสียดายที่ลูกยิงของเขาดันไปแฉลบแนวรับสหรัฐฯ ออกข้างไปอย่างหวุดหวิด 

ขณะที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ซึ่งมักจะโดนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมินในการจับลงเล่นตัวจริง แต่สำหรับทัพ "สิงโตคำราม" เขาคือผู้เล่นตัวหลักในเกมรับ และทำผลงานได้อย่างเหนียวแน่น ที่สำคัญเขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ฟอร์มดีมากๆ เกมนี้

สำหรับแมตช์นี้สิ่งเดียวที่ อังกฤษ พลาดไปก็คือการจบสกอร์ที่เฉียบคม งานนี้กุนซือแกเร็ธ เซาธ์เกต ต้องกลับไปติวเข้มลูกทีมให้มีความเด็ดขาดในการยิงประตูมากกว่านี้ เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะส่งผลกระทบเสียหายต่อการลุ้นเข้ารอบน็อกเอาต์ได้เลย 

3. ต่อลมหายใจทัพลุงแซม

สหรัฐอเมริกากำลังสร้างทีมขึ้นมาเพื่อให้พร้อมกับการเตรียมเป็นเจ้าภาพร่วมฟุตบอลโลก 2026 โดยฟอร์มการเล่นในการสู้กับ อังกฤษ บอกได้เลยว่าน่าประทับใจอย่างมาก เนื่องจากพวกเขาเป็นทีมพลังหนุ่มที่เล่นก็ด้วยหัวใจนักสู้ และสามารถวิ่งพล่านไปทั่วสนามเพื่อทำให้ อังกฤษ ไม่สามารถเล่นในเกมที่พวกเขาถนัดได้เลย

อย่างที่บอกเอาไว้ในข้อแรกว่า 3 แข้งในแผงมิดฟิลด์โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด จัดการตัดเกมแดนกลางที่ถือเป็นจุดเด่นในการเล่นเกมรุกของ "ทรี ไลอ้อนส์" ได้สำเร็จ แผงมิดฟิลด์ของสหรัฐฯ เล่นกันได้อย่างเข้าขา ที่สำคัญยังวิ่งไล่เพรสซิ่งเข้าไปในแดนของอังกฤษ จนทำให้พวกเขาตั้งเกมไม่ได้

จุดเด่นของสหรัฐฯในชุดนี้ก็คือเรื่องพละกำลัง และการเพรสซิ่ง ซึ่งพวกเขาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในครึ่งแรกเหมือนกับเกมที่เสมอ เวลส์ โดยวิธีการเล่นแบบนี้เป็นการขัดขวาง อังกฤษ ไม่ให้สร้างจังหวะการเล่นที่ถนัด และทำได้แค่ต้องรีบผ่านบอลให้เร็วที่สุดเท่านั้น 

ที่สำคัญ สหรัฐอเมริกา ยังสามารถสร้างโอกาสอันตรายได้เป็นระยะๆ โดยเฉพาะจังหวะการยิงของ คริสเตียน พูลซิช ที่ตะบันไปชนคาน และการยิงหลุดเขาของ แม็คเคนนี่ 

4. เฮนเดอร์สันสร้างประวัติศาสตร์

แฟนบอล "สิงโตคำราม" อาจจะนั่งเกาหัวด้วยความมึนงงหลังจากที่ เซาธ์เกต ตัดสินใจเปลี่ยนตัว จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงสนาม แต่สำหรับนักเตะการได้ลงเล่นแมตช์นี้เป็นสร้างประวัติศาสตร์ให้กับเจ้าตัวเลยทีเดียว

กัปตันทัพ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เป็นนักเตะคนที่ 4 ในทีมชาติอังกฤษ ที่ได้ลงเล่นให้กับบ้านเกิดใน 6 ทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ โดยเริ่มตั้งแต่ตอนที่เขาติดทีมชาติทำศึกยูโร 2012 เมื่อสิบปีก่อน

ปัจจุบัน "เฮนโด้" ขึ้นไปอยู่ในทำเนียบเดียวกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด, โซล แคมป์เบลล์ และ เวย์น รูนี่ย์ เรียบร้อยแล้ว แต่หากมองในเรื่องของฟอร์มการเล่นต้องยอมรับว่านักเตะไม่สามารถช่วยทีมได้มากนัก ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สาวก "ทรี ไลอ้อนส์" จะไม่ปลื้ม เซาธ์เกต ในการเปลี่ยนตัวเขาลงสนาม 

5. โอกาสเข้ารอบต้องลุ้นถึงนัดสุดท้าย

ผลการแข่งขันแบบนี้ทำให้ อังกฤษ จะต้องเอาชนะ เวลส์ ให้ได้เพื่อการันตีการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายพร้อมกับคว้าแชมป์กลุ่ม ขณะที่ สหรัฐอเมริกา ยังสามารถต่อลมหายใจการลุ้นเข้ารอบโดยพวกเขาต้องปราบ อิหร่าน ซึ่งคว่ำทัพ "มังกรแดง" มาได้สำเร็จด้วยสกอร์ 2-0

สำหรับสถานการณ์ของ กลุ่ม บี ในเวลานี้ อังกฤษ รั้งจ่าฝูงด้วยการเก็บได้ 4 คะแนน ตามด้วย อิหร่าน มี 2 คะแนน ส่วนสหรัฐอเมริกา เสมอสองเกมได้สองแต้ม และสุดท้าย เวลส์ ที่มีแค่แต้มเดียว 

ตอนนี้ทั้ง 4 ชาติยังคงมีโอกาสในการผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ได้ เพียงแต่ อังกฤษ กับ อิหร่าน จะมีภาษีเหนือกว่าเท่านั้น อย่างไรก็ตามลูกบอลกลมๆ อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้าหากทั้ง 2 ชาติดันพลาดท่าในเกมสุดท้าย ก็มีสิทธิ์เก็บกระเป๋ากลับบ้านได้เช่นกัน

ทอมเม้ง