โทษฐานที่เกาหลีใต้ ตัวแทนจากเอเชีย อดีตเจ้าของอันดับ 4 บอลโลก 2002 โชว์ผลงานได้อย่างประทับใจ แม้จะไม่สามารถเก็บ 3 แต้มได้ แต่การได้แต้มจากอุรุกวัย เปิดหัวเวิลด์คัพ 2022 ที่กาตาร์ ส่งผลให้แฟนบอลทั่วทุกหัวระแหงต่างชื่นชมกับอย่างหนาตา
โดย 5 ประเด็นหลังจาก "โสมขาว" เจ๊า "จอมโหด" มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง !
1. ฟูลทีมนำโดย "อาตี๋ซน"
เกาหลีใต้ ภายใต้การกุมบังเหียนของ "เปาโล เบนโต้" เฮดโค้ชชาวโปรตุเกส ที่พา "โสมขาว" ลงฟาดแข้งในเวทีเวิลด์คัพเป็นหนที่สอง จัดทัพใหญ่เต็มอัตราศึกตามคาด ได้ ซน ฮึง-มิน ดาวเตะตัวฉกาจของท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สวมหน้ากากนำทัพลงสนามได้ทันควัน มีเพียง ฮวาง ฮี-ชาน กองหน้าจากวูล์ฟแฮมป์ตัน ที่เริ่มต้นด้วยการเป็นตัวสำรองก่อน เฮดโค้ชวัย 53 ปี วางระบบ 4-3-3 ที่สามารถเปลี่ยนมาเล่นในระบบ 4-2-3-1 ได้เช่นกัน คิม ซึง-กิว นายทวารอัล ซาบับ จากลีกซาอุฯ เฝ้าเสามือหนึ่ง คู่เซ็นเตอร์ใช้ คิม ยัง-กวอน จับคู่กับ คิม มิน-แจ ส่วนแบ็คขวา คิม มุน-วาน และแบ็คซ้ายใช้ คิม จิน-ซู
แผงกองกลางใช้ ฮวาง อิน-บอม กองกลางจากโอลิมเปียกอส ยืนคู่กับ จอง วู-ยอง ขณะที่ตัวรุกจัด อี แจ-ซุง คอยเชื่อมเกม ขนาบข้างฝั่งขวา นา ชัง-โฮ และฝั่งซ้ายกัปตันทีม ซน ฮึง-มิน ส่วนหัวหอกตัวเป้าใช้ ฮวาง อุย-โจ กองหน้าวัย 30 ปีลงล่าตาข่าย
2. 45 นาทีแรก "โสมขาว" ใช้ได้เลย
"โสมขาว" ออกสตาร์ตได้อย่างไฉไลช่วง 10 นาทีแรก เป็นฝ่ายครอบครองบอลเหนือกว่าอุรุกวัยอย่างเห็นได้ชัด แม้ช่วงกลางครึ่งแรกจะเริ่มถูกแข้งจอมโหดเริ่มตั้งตัวได้ติด แต่โอกาสที่ใกล้เคียงน่าจะได้ประตูเป็นของเป็นของเกาหลีใต้
ทว่าน่าเสียดายในจังหวะที่ คิม มุน-วาน ปาดบอลให้กับ ฮวาง อุย-โจ ได้ซัดเหน่งๆกลางเขตโทษ แต่บอลดันโดนใต้ลูกไปหน่อยจนบอลเหินข้ามคานออกหลังไปอย่างหวุดหวิด แต่ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณเตือนอุรุกวัยแล้วว่า อย่าได้พลาดขึ้นมาแล้วกัน นอกจากนี้ตลอดช่วง 45 แรก ทั้งสองทีมค่อนข้างสูสี โดยเกาหลีใต้มีเปอร์เซ็นต์ครองบอลที่ไม่ได้เป็นรองกว่าด้วย หลังครองบอล 45 เปอร์เซนต์ ส่วนเพียงอุรุกวัย 42 เปอร์เซนต์เท่านั้น
3. ครึ่งหลังเป็นรอง "จอมโหด"
ต้องยอมรับตามตรงเลยว่า 45 นาทีหลังกลายเป็น "จอมโหด" อุรุกวัย ที่ดูเหนือกว่า และเป็นฝ่ายคุมเกมไว้ได้อยู่หมัด แถมช่วงท้ายเกมเกือบโดน เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ กองกลางจากเรอัล มาดริด ซัดประตูชัยอีก แต่แข้งจากแดนกิมจิยังโชคดีที่บอลไปชนเสาอย่างฉิวเฉียด รูปเกมไม่จะสามารถต้านทานเกมบุกของอุรุกวัยไว้ได้ แต่โดยภาพรวม เปาโล เบนโต้ โค้ชใหญ่โสมขาว ยังมีเรื่องที่ต้องกลับไปแก้ไขอยู่พอสมควร โดยเฉพาะการเข้าทำที่เกมนี้เห็นน้อยมาก กับโอกาสยิงเพียงแค่ 5 ครั้งในเกมนี้ ก่อนจะไปดวลกับ กาน่า ทีมจากทวีปทีมจากแอฟริกา ในวันจันทร์ที่ 28 พ.ย.นี้
4. ซน ฮึง-มิน ยังไม่เปรี้ยงนัก
อย่างที่ทราบเมื่อยามที่ ซน ฮึง-มิน สวมเครื่องนุ่งห่มท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เล่นร่วมกับแฮร์รี่ เคน ฟอร์มของเขาจะเปรี้ยงปร้างขึ้นมาทันตาเห็น ทว่าสวนทางกับตอนที่เล่นให้เกาหลีใต้ในเกมนี้ "อาตี๋ซน" ยังดูเงียบไม่ได้โดดเด่นเหมือนตอนเล่นให้กับสโมสร เป็นเพราะว่าตอนเล่นกับสเปอร์ ซน ฮึง-มิน จะมีตัวป้อนให้ตลอด และใช้จังหวะฉาบฉวยด้วยสปีดที่เร็วแรงม้า โฉบเข้าไปยิงเพื่อทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำ แต่พอมาเล่นให้ "โสมขาว" กลายเป็นต้องมาคอยล้วงบอลตรงกลางสนามและเป็นฝ่ายต้องป้อนบอลให้เพื่อนร่วมทีมเสียเอง
5. แต้มเดียวยังสอบผ่าน
แม้ว่าเกาหลีใต้ จะเก็บได้เพียงแค่แต้มเดียวกับอุรุกวัย แต่เป็น 1 แต้มประเดิมเปิดหัวเวิลด์คัพ 2022 ได้อย่างน่าพอใจ ด้วยระดับของอีกหนึ่งเสือจากทวีปเอเชีย กับการได้ต่อกรกับทีมจากทวีปอเมริกาใต้ แถมมีดีกรีเป็นถึงอดีตแชมป์โลก 2 สมัยเมื่อปี 1930, 1950 อีกด้วย
อดีตทีมที่เคยคว้าอันดับ 4 ฟุตบอลโลกเมื่อปี 2002 อย่างเกาหลีใต้ ถือว่าน่าชื่นชมจริงๆ ทั้งการพัฒนา ระบบทีม เล่นกันอดทน มีวินัย รวมถึงความฟิตที่จัดจ้านอีกทีมในย่านเอเชีย บอกเลยว่าเกาหลีใต้เจอใครก็ได้ และจะไม่ใช่ทีมแจกแต้มง่ายๆอีกต่อไป
ถึงตรงนี้น่าภูมิใจเอามากๆ ที่เราได้เห็น 2 ทีมจากเอเชีย ทั้งญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ที่มองดูแล้วว่าพวกเขาสามารถเจอทีมระดับโลกได้ทุกทีม และก้าวข้ามเอเชียไปยืนอยู่ระดับโลกเรียบร้อย
แตกต่างจากหนึ่งทีมแห่งย่านภูมิภาคอาเซียน ที่เป้าหมายไม่ชัดเจน เน้นสำเร็จเร็วชนิด 5G ไม่เน้นสร้างระยะยาว ไม่รู้เหมือนกันว่าทีมไหน แต่รู้แค่ว่าได้แต่มองเพื่อนบ้านเอเชีย ทั้งที่สรีระใกล้เคียงกัน แต่ระเบียบวินัย ความอดทนอดกลั้น แตกต่างจากญี่ปุ่น กับเกาหลีใต้ ลิบลับ อย่างกับอยู่กันคนละจักรวาลเลยทีเดียว !
" กอล์ฟ เบนเทเก้ "