ล็อคถล่มอีกแล้วนะครับ
เมื่อพลพรรคซามูไรสีน้ำเงิน ทีมชาติญี่ปุ่น พลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะทีมที่แข็งแกร่งกว่า แถมชาติตระกูลทางลูกหนังสูงส่งมากอย่าง เยอรมัน ได้สำเร็จแบบรูตูดตะลึงในเกมที่ครึ่งแรกกับครึ่งหลังแตกต่างกันราวกับหนังสำหรับผู้ใหญ่คนละม้วน
1. โทษฐานที่เป็นรองทั้งศักยภาพผู้เล่นและชื่อชั้น กุนซือของทีมปลาดิบเลือกที่จะวางแผนให้ลูกทีมเล่นเกมรับอย่างระมัดระวัง
ญี่ปุ่น เริ่มเกมด้วยการถอยมาตั้งรับในแดน เพื่อปิดพื้นที่ให้แน่นหนา
เมื่อผู้เล่น เมด อิน เยอรมนี ลำเลียงลูกเลยครึ่งสนาม ผู้เล่น เมด อิน เจแปน ก็จะพุ่งเข้าหาเร็วแบบใครใกล้ก็ให้เข้าบอลก่อน แล้วค่อยหาจังหวะโต้กลับ
ผ่านไป 10 นาที เยอรมัน ก็เริ่มตั้งลำได้ แล้วพยายามบุกแบบไม่ผลีผลาม
คือคุมเกมและครองบอลได้มากกว่าก็จริง แต่เล่นบนความรัดกุม ยังไม่เสี่ยงเล่นแบบได้-เสียสักเท่าไหร่ โดยเน้นความแน่นอนเอาไว้ก่อน หากขึ้นไม่ได้ก็คืนหลังไปเซ็ตกันใหม่
พลพรรคอินทรีเหล็กครองบอลบุกอยู่ข้างเดียว ก่อนใกล้เคียงกับการได้ประตูมากขึ้นเรื่อยๆ
แล้วทำนบของ ญี่ปุ่น ก็แตก แถมเกมสวนกลับตายสนิท ไม่มีพิษสงอะไรเลย
พวกเขาเล่นแบบไม่มีอนาคตเลยนะครับ เพียงแต่บุญยังรักษาช่วยให้ไม่เสียประตูที่ 2
2. สิ่งที่ผู้ชมทางบ้านอย่างผมเห็นจากทีมชุดสีน้ำเงินในครึ่งแรก มันไม่ใช่สไตล์การเล่นของพวกเขาเลยนะครับ
เพราะสไตล์การเล่นอันน่าขามเกรงของ ญี่ปุ่น ในฟุตบอลระดับเอเชียคือบีบสูงแล้วเพรสซิ่งเข้าใส่อย่างหนักหน่วง
แต่เกมนี้กลับเน้นเกมรับแบบ 'รถบัส' เหมือนกลัวคู่แข่งอย่าง เยอรมัน มากเกินไปจนไม่กล้าบุก
3. ต่อเมื่อเป็นฝ่ายตามหลัง ด้วยรูปเกมที่เป็นรอง ญี่ปุ่น จึงเปลี่ยนรูปแบบการเล่นทันทีในครึ่งหลัง
ด้วยการเปิดเกมรุกเข้าใส่อดีตแชมป์โลก 4 สมัยอย่าง เยอรมัน แบบไม่สะทกสะท้าน
แผนการเล่นเปลี่ยนจากตั้งรับในแดนเป็นการบีบสูงในแดนคู่แข่งแล้วพุ่งเข้าใส่ เพื่อแย่งบอล พลันบุกโจมตีแบบสายฟ้าผ่าหัวหมา
เล่นไปเล่นมาชักได้บุกมากขึ้น และมีโอกาสทำลายตาข่ายมากขึ้นเรื่อยๆ แตกต่างจากครึ่งแรกแบบลิบลับ
กระทั่ง ญี่ปุ่น ยิงตีเสมอได้ในนาทีที่ 75
คำถามคือในอีก 15 นาทีที่เหลือ พวกเขาจะเล่นอย่างไรต่อระหว่าง 'บุกเหมือนเดิม' เพื่อเอาประตูที่ 2 แต่เสี่ยงเสียประตูเช่นกัน หรือ 'ถอยไปตั้งรับใหม่' ด้วยเอาเสมอได้ก็เจ๋งแล้ว ???
ผมคงไม่ต้องบอกว่า ญี่ปุ่น เลือกแบบไหน
4. ย้อนกลับไปตอน เยอรมัน นำ 1-0 ด้วยรูปเกมที่เหนือกว่า สังเกตได้เลยว่าพวกเขาเล่นไปเรื่อยๆ ไม่เร่ง ไม่รีบ
ประมาณว่าชาติตระกูลทางฟุตบอลของกูเหนือกว่า แถมคู่แข่งไม่ได้น่ากลัวอะไร ไม่จำเป็นต้องจริงจังอะไรมากก็ได้
เมื่อวันก่อนที่ อาร์เจนติน่า พลาดท่าพ่ายแพ้ทีมรองบ่อนอย่าง ซาอุฯ ส่วนหนึ่งเพราะพวกเขาเล่นไม่ได้เรื่องเองด้วย
ทว่า เยอรมัน พลาดท่าพ่ายแพ้ ญี่ปุ่น ส่วนหนึ่งก็เพราะติดแอ๊กต์นี่แหละครับ ขอบอก
5. กุนซือทีมชาติญี่ปุ่นชุดนี้มีนามว่า ฮาจิเมะ โมริยาสุ
คุณพี่เขาแก้เกมเก่งใช้ได้เลยนะครับ เปลี่ยนตัวผู้เล่นก็ได้ผล เมื่อตัวสำรองลงมาแล้วมีส่วนกับการทะลวงตาข่ายทั้ง 2 ดอกเฉพาะอย่างยิ่ง กองหน้าอย่าง ทาคุมะ อาซาโนะ ที่ลงมาแล้วป่วนเกมรับของอินทรีเหล็กได้อย่างชัดเจน
หลังจบเกมที่ทีมซามูไรเป็นฝ่ายมีชัย
ผมคิดว่าครึ่งแรก โค้ชของพวกเขาก็ไม่ได้วางแผนผิดพลาดอะไร
ด้วยความที่เป็นรองเลยต้องเล่นตั้งรับแบบเจียมเนื้อเจียมตัวเอาไว้ก่อน
เพราะถ้าเป็นรองแล้วทะลึ่งเปิดเกมรุกเข้าแลก มันคงไม่ต่างจากการเอาปืนลูกซองยัดเข้าปากตัวเองแล้วเหนี่ยวไก
ที่สำคัญคือการเพรสซิ่ง มันต้องใช้พละกำลังมหาศาล แถมคู่แข่งเป็นถึง เยอรมัน มันยิ่งต้องใช้พละกำลังมหาศาลมากกว่าเดิมอีก
กลยุทธ์คือเล่นแบบ 'เพลย์เซฟ' เอาไว้ก่อน
แล้วจบครึ่งแรกค่อยมาดูสถานการณ์ว่าเป็นอย่างไร
เมื่อเป็นฝ่ายตามหลัง ญี่ปุ่น จึงกลับมาเป็นตัวของตัวเองพลางเล่นตามสไตล์ของตัวเอง ประกอบกับคู่แข่งติดแอ๊กต์ คิดว่าตัวเองเหนือชั้นเสียเต็มประดา
นี่แหละ...ยุทธการหักปีกอินทรีเหล็ก !!!
บอ.บู๋