เรียกว่าเต็มคาราเบลไปเลยพี่น้อง หลังใครจะเชื่อว่า "ซามูไรบลูส์" ทีมชาติญี่ปุ่น ที่เปิดสนามบอลโลก 2022 บรรเลงเพลงแข้งพลิกล็อกเอาชนะ ทีมชาติเยอรมัน 2-1 คว้า 3 แต้มแบบไม่คาดฝันจริงๆ
วันก่อนซาอุฯ เพิ่งโค่น อาร์เจนติน่า ช็อกโลก มาบัดนี้ ญี่ปุ่น ไม่น้อยหน้าทุบดีกรีแชมป์โลก 4 สมัยไปอย่างดุเดือด หลังออกหมัดน็อคช็อตเด็ดช่วงครึ่งหลังจาก 2 ตัวสำรองที่อิมพอร์ตจากยุโรปไปอย่างสาแก่ใจกระหึ่มเอเชียโดยปริยาย เรามาดูกันว่า 5 ข้อประเด็นร้อน แฟนบอลจะคิดเหมือนกันหรือไม่ !
1. จัดตัวแฟนบอลแอบงงๆ
ฮาจิเมะ โมริยาสุ เทรนเนอร์ใหญ่ซามูไร จัดทัพ 11 คนแรกผิดคาดพอสมควร ตัดสินใจดร็อป ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ แนวรับฟอร์มแรงของอาร์เซนอล รวมถึง คาโอรุ มิโตมะ แนวรุกริมเส้นตัวจี๊ดฝั่งซ้ายของไบรท์ตัน เป็นตัวสำรองทั้งคู่ ก่อนเกมวางระบบ 4-2-3-1 มีนักเตะที่ค้าแข้งอยู่ในเจลีกเพียงแค่ 3 คน นำโดย ชูอิจิ กอนดะ มือกาวชิมิสึ เอส-พัลส์, ฮิโรกิ ซากาอิ แบ็คขวาอุราวะ เร้ดส์ และยูโตะ นากาโตโมะ แบ็คซ้ายเอฟซี โตเกียว นอกนั้นอีก 8 คนเป็นแกนหลักที่ค้าแข้งอยู่ในยุโรปทั้งหมด
ทว่าพอเล่นไปเล่นมาถูกพลพรรคอินทรีเหล็ก ควบคุมเกมได้อย่างหมดจด จึงต้องมาเล่นในระบบ 4-5-1 หรือรับเต็มสูบรอแค่จังหวะโต้กลับ และเกือบได้ผลช่วงต้นเกมเมื่อ ไดเซน มาเอดะ ส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายไปแล้ว แต่ดันถูกจับล้ำหน้าไปเสียก่อน
2. ไม่ใช่วันของ "เมสซี่ญี่ปุ่น"
เกมนี้ต้องบอกเลยว่า ทาเคฟุสะ คุโบะ วันเดอร์คิดสายเลือดบูชิโด ที่มีชีวิตนักฟุตบอลที่คล้ายคลึงกับตัวการ์ตูนอย่าง โอโซระ สึบาสะ ไม่ใช่วันของของเลยจริงๆ ตลอดการอยู่ในสนามช่วงครึ่งแรก ด้วยรูปร่างที่เล็กและเปราะบาง การเบียดปะทะกับนักเตะเยอรมนี ทั้งภาคพื้นดิน กลางอากาศ เลยเป็นรองทุกอนู อย่างที่เห็นดาวเตะวัย 21 ปีจากเรอัล โซเซียดาด แทบไม่มีโอกาสโชว์ลีลาและมีส่วนร่วมกับเกมเท่าไหร่นัก หลังถูกพี่ยักษ์อย่าง อันโตนิโอ รือดิเกอร์ คอยประกบติดและชิงจังหวะได้ดีกว่า ชนิดที่ผู้บรรยายแทบไม่ได้เอ่ยชื่อของ "คุโบะ" เลย สุดท้ายก็อยู่ในสนามเพียงแค่ 45 นาทีเท่านั้น
3. ครึ่งแรกตัวร้าย-ครึ่งหลังพระเอก
ครึ่งชั่วโมงของครึ่งแรก กำลังชมว่าแม้ญี่ปุ่นจะเป็นรองเยอรมนี แต่บรรดานักเตะแผงเกมรับยังร่วมมือร่วมใจช่วยกัน ยืนเกะกะไม่ให้แข้งอินทรีเหล็กเจาะตาข่ายได้ ตลอดจน ชูอิจิ กอนดะ ที่มีจังหวะโชว์เซฟอยู่พอสมควร แต่แล้วนายทวารจอมเก๋าวัย 30 ปี ก็ทำพลาดจนได้เมื่อไปสกัดผิดกลายเป็นไปตะครุบใส่ ดาวิด เราม์ แบ็คซ้ายอินทรีเหล็กในเขตโทษ ไม่รอช้าผู้ตัดสินชี้ให้เป็นจุดโทษทันที ก่อนเป็น อิลคาย กุนโดกัน รับหน้าที่สังหารเข้าไปอย่างเลือดเย็นให้เยอรมนีนำก่อน 1-0
กลับออกสตาร์ตช่วงครึ่งแรกกลายเป็นหนังคนละม้วน เมื่อ ชูอิจิ กอนดะ กลับมาแก้ตัวได้ด้วยการโชว์ซูเปอร์เซฟอุตลุด ช่วยให้แข้งซามูไรไม่เสียประตู ก่อนที่สุดท้ายญี่ปุ่นจะมายิงพลิกแซง 2-1 และเก็บ 3 แต้มสำคัญเปิดหัวฟุตบอลโลก 2022 ได้อย่างสวยสดงดงามจริงๆ
4. แก้เกมระดับอ๋อง
จากข้อแรกต้องขอประทานโทษ ฮาจิเมะ โมริยาสุ โค้ชใหญ่ญี่ปุ่น ที่ตอนแรกแอบวิจารณ์ถึงเรื่องการจัดตัว 11 คนแรก แต่ใครจะเชื่อว่ารูปเกมครึ่งหลัง พอปรับระบบวิธีการเล่น กลับทำได้อย่างน่าประทับใจ และเกมเริ่มมีโอกาสเจาะตาข่ายเยอรมนีได้มากกว่าช่วงครึ่งแรกอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะการปรับหมากส่ง ริตสึ โดอัน ปีกจากเอสซี ไฟร์บวร์ก มาเล่นแทน อาโอะ ทานากะ ใน น.71 และทาคุมะ อาซาโนะ หัวหอกจากเฟาเอฟแอล โบคุ่ม ลงมาเล่นแทน ไดเซน มาเอดะ ใน น.57
และ 2 ตัวสำรองดังกล่าวใช้เวลาไม่นานนักก็แผลงฤทธิ์ช็อกแฟนบอลอินทรีเหล็กทันที ริตสึ โดอัน ยิงตีเสมอ 1-1 ใน น.75 ก่อนจะเป็น ทาคุมะ อาซาโนะ ที่กดเต็มข้อล่อเต็มแข้งบอลแสกหน้า มานูเอล นอยเออร์ เข้าไปตุงตาข่ายไม่เหลือซากใน น.83 พาญี่ปุ่นพลิกนำ 2-1 และเป็นประตูชัยทันที
5. "ซามูไรบูลส์" ประกาศศักดา
แม้ทุกอย่างจะเป็นรองเยอรมนี ทั้งขุมกำลัง ประสบการณ์ อันดับโลก และอีกต่างๆมากมาย แต่ด้วยหัวจิตหัวใจความเป็นนักสู้ และมีจิตวิญญาณสายเลือดซามูไรอย่างแท้จริง จนพิสูจน์ให้สายตาแฟนลูกหนังทั่วโลกได้รู้แล้วว่า ญี่ปุ่น ทีมจากทวีปเอเชียคือทีมที่สามารถล้ม เยอรมนี อดีตแชมป์โลก 4 สมัยเมื่อปี 1954, 1974, 1990, 2014 ได้สำเร็จ
ไม่น่าเชื่อว่าทีมจากเกาะเล็กๆบนทวีปเอเชียตะวันออก ที่ท่านเซียนทั้งหลายๆสำนักมองว่า ญี่ปุ่น เป็นรองทุกชาติในเวทีเวิลด์คัพ 2022 กลุ่ม อี ทั้งเยอรมนี, สเปน รวมถึงคอสตาริกา
แต่ผ่านนัดแรกประเดิมฟุตบอลโลกหนนี้ ญี่ปุ่นกระชาก 3 แต้มได้ตั้งแต่นัดแรก ดูทรงแล้วพวกเขาคงไม่ใช่ทีมที่จะมาเชือดเฉือน เอาแต้มไปได้โดยง่ายเป็นแน่ งานนี้มีลุ้นทะลุน็อคเอ้าท์ยาวๆ เหมือนกับที่เคยทำได้มาเมื่อครั้งล่าสุดในปี 2018 ที่แข้งซามูไรบลูส์ สามารถเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้นั่นเอง
" กอล์ฟ เบนเทเก้ "