แอร์กเว่ เรอนาร์ ชื่อนี้อาจจะไม่เป็นทื่คุ้นชินต่อหูของแฟนฟุตบอลชาวไทยนัก แต่หลังจากการนำซาอุดีอาระเบีย ล้มเต็งแชมป์อย่างอาร์เจนติน่า ได้สำเร็จ พร้อมกับหยุดสถิติ 'ไร้พ่าย' ของทัพฟ้า-ขาวไว้ที่ 36 นัด ทำให้นามของเขาถูกแสงสปอตไลต์สาดส่องในทันที
อดีตกองหลังชาวฝรั่งเศส ผู้ต้องแขวนสตั๊ดทั้งๆ ที่เพิ่งอายุจะ 30 และหันเหสู่วงการ 'การทำความสะอาด'
ชีวิตหลังเลิกเล่นฟุตบอล เรอนาร์ ต้องตื่นตอนตี 2 ครึ่ง เพื่อเตรียมตัวไปขัดๆ ถูๆ ตามโรงงานต่างๆ รวมไปถึงฮอลล์จัดแสดงกิจกรรมภายในประเทศ ซึ่งกว่าจะเสร็จงานก็ปาไปยามบ่ายเลยทีเดียว
ด้วยความมุมานะ ชายหนุ่มผู้นี้ค่อยๆ ขยับจากการเป็นพนักงานสู่การเป็นเจ้าของบริษัททำความสะอาดเสียเอง
"มันคืองานที่ต้องใช้ร่างกาย แต่ผมก็ภูมิใจนะที่ได้ทำงานนี้ ซึ่งแตกต่างจากการเป็นนักฟุตบอล อาชีพที่ได้รับสิทธิพิเศษและความสะดวกสบายหลายๆ อย่าง ทว่าผมก็ไม่เคยลืมว่าผมเคยมาจากจุดไหน" นี่คือสิ่งที่ เรอนาร์ ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อในยุโรป
ในห้วงเวลาเดียวกันนั้นเขาก็เรียนโค้ชควบคู่กันไป และก็เริ่มงานในปี 1999 ด้วยการเป็นกุนซือ แอสแซ ดรากีญอง สโมสรที่เขาแขวนสตั๊ดนั่นเอง
พอฝีมือเริ่มแก่กล้า เรอนาร์ ข้ามน้ำข้ามทะเลมาผจญภัยในเอเชีย โดยเริ่มต้นด้วยการเป็นผู้ช่วยของ โคล้ด เลอ รัว ที่ เซี่ยงไฮ้ คอสโก้ (ปักกิ่ง เฉิงเฟิง ในปัจจุบัน) ทีมในลีกจีน
หลังจากได้ประสบการณ์พอสมควร เขาลัดฟ้าหวนคืนยุโรป ที่ แคมบริดจ์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) แต่ก็อยู่ได้ไม่นานนัก เพราะมีความท้าทายครั้งใหม่รออยู่
ปี 2004 เขากระโจนสู่เอเชีย อีกครั้ง โดยคราวนี้มีหมุดหมายปลายทางที่เวียดนาม กับภารกิจพา นัม ดินห์ พุ่งชนความสำเร็จให้จงได้
อย่างไรก็ตาม เรอนาร์ ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะทำได้เพียงจบอันดับ 2 ของตาราง วีลีก โดยที่แชมป์ในซีซั่นนั้นคือ ฮอง อันห์ ยา ลาย ที่มี เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ศูนย์หน้าหมายเลขหนึ่งของอาเซียน เล่นอยู่
นับจากนั้นเป็นต้นมา กุนซือหนุ่ม (ในขณะนั้น) ก็ค่อยๆ จรลีไปหลายแห่ง เริ่มจากกลับบ้านเกิดไปคุม อาแอส เฌอบูร์ก (2005-07) ตามด้วยการเป็นเทรนเนอร์ของทีมชาติแซมเบีย (2008-10), ทีมชาติแองโกล่า (2010), อัลเกอร์ (แอลจีเรีย, 2011)
ล่วงถึงปี 2011 ที่เขาเริ่มต้นการเป็น 'ตำนาน' กับการหวนคืนตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของทีมชาติแซมเบีย เป็นหนที่สอง ก่อนจะสร้างความตื่นตะลึงด้วยการพา ชิโปโลโปโล่ ผงาดคว้าแชมป์ แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ นับเป็นได้เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ชาติในปี 2012
ยังไม่จบลงที่ตรงนี้ เพราะพอไปรับงานกุนซือให้ไอวอรี่โคสต์ ในปี 2014 - เรอนาร์ ก็นำทีมเถลิงบัลลังก์แชมป์ แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2015 นับเป็นกุนซือคนแรกที่สามารถคว้าโทรฟี่นี้ได้กับ 2 ประเทศ
กุนซือผู้นี้ยังคงสร้างสถิตอย่างต่อเนื่อง เพราะหลังจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเฮดโค้ชของทีมชาติโมร็อกโก ในปี 2016 ถัดมาอีก 2 ปี (2018) เขาก็นำสิงโตแอตลาสผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้สำเร็จเป็นหนแรกในรอบ 20 ปี
เรอนาร์ เซ็นสัญญากับทีมชาติซาอุดีอาระเบีย ในเดือนกรกฎาคมปี 2019 ซึ่งกลายเป็นเทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศส คนแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ
นับตั้งแต่เขาเป็นบิ๊กบอส ผลงานของเหยี่ยวแห่งอาหรับพุ่งทะยานไกล โดยเฉพาะการคว้าแชมป์กลุ่ม ในฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย ได้สำเร็จ ด้วยจำนวน 23 คะแนน และไม่แพ้ใครเลย ซึ่งเหนือกว่าญี่ปุ่น ทีมที่อุดมไปด้วยซูเปอร์สตาร์จากยุโรป เสียอีก
กระทั่งล่าสุดกับชัยนะ 'ประวัติศาสตร์' ที่มีต่ออาร์เจนติน่า หนึ่งในทีมเต็งแชมป์ เวิร์ล คัพ ฉบับกาตาร์ ทำให้ชื่อของ เรอนาร์ กระฉ่อนยิ่งกว่าเดิม
เส้นทางในฟุตบอลโลก 2022 ของซาอุดีอาระเบีย ยังเหลืออีกน้อยๆ 2 นัด ผลงานของพวกเขาจะเป็นเช่นไรต่อไป คงต้องไปพิสูจน์ในสนามแข่งขันกันต่อ
แต่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถเรียนรู้จากเฮดโค้ชคนนี้ได้คือ 'ความมุ่งมั่น' - 'พยายาม' และ 'อย่าลืมว่าเราเติบโตมาจากจุดไหน'
แอร์กเว่ เรอนาร์ จากเวียดนาม สู่การล้มอาร์เจนติน่า...