"เอิร์ธ" ​เพียงธาร ผลิพืช ขอสู้อีกสักตั้งบนเส้นทางเทนนิส

"เอิร์ธ" ​เพียงธาร ผลิพืช ขอสู้อีกสักตั้งบนเส้นทางเทนนิส
ชื่อของ "เอิร์ธ" เพียงธาร ผลิพืช ถือเป็นหนึ่งนักเทนนิสที่มากด้วยประสบการณ์ สร้างชื่อและความสำเร็จให้กับวงการเทนนิสไทยมาอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่ผ่านมา

ความสำเร็จล่าสุด "เอิร์ธ" เพียงธาร จับคู่กับเพื่อนนักหวดชาวไต้หวัน เส้า เซียะ ยี่ คว้าแชมป์หญิงคู่ในศึก "2025 เอโอ เอเชีย-แปซิฟิก ไวลด์การ์ด เพลย์ออฟ" ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนได้สำเร็จ นั่นทำให้เจ้าตัวได้ไวลด์การ์ดเข้าไปแข่งขันรอบเมนดรอว์ หญิงคู่ ศึกแกรนด์สแลม "ออสเตรเลียน โอเพ่น 2025" ที่ประเทศออสเตรเลีย

นี่คือการลุยเวทีแกรนด์สแลมหนที่ 3 ในชีวิตของ "เอิร์ธ" หลัง 2 หนก่อนนี้ ได้ลงแข่งขันในศึกออสเตรเลียน โอเพ่น 2022 และวิมเบิลดัน 2022 ซึ่งผลงานทั้งสองครั้งดังกล่าว "เอิร์ธ" ได้ลงแข่งขันในรอบเมนดรอว์ ทว่าสุดท้ายมีอันต้องยุติเส้นทางเอาไว้ที่รอบแรก ซึ่งหนนี้เจ้าตัวตั้งเป้าทลายกำแพง หวังจะคว้าชัยชนะครั้งแรกให้ได้บนเวทีแกรนด์สแลม

เพียงธาร เริ่มเล่นเทนนิสตอนอายุ 10 ขวบ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ช้ากว่าเพื่อนนักเทนนิสหลายๆคนที่เริ่มเล่นและฝึกกันมาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้ในช่วงของการเริ่มต้นนั้น เจ้าตัวอาจไม่ได้ผลงานที่จัดจ้าน และยังไม่ใช่นักเทนนิสมือท็อปของรุ่น อย่างไรก็ตามตอนอายุ 16 เจ้าตัวมีโอกาสได้คัดตัวเป็นเยาวชนทีมชาติ ก่อนจะทำผลงานดี ด้วยการพลิกชนะมือท็อปๆในรุ่นหลายคน ซึ่งก็ ทำให้ได้สิทธิ์เป็นตัวแทนทีมชาติ

ช่วงเวลานั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนในเส้นทางเทนนิสของ "เอิร์ธ" เลยก็ว่าได้ เพราะหลังจากนั้นเจ้าตัวเริ่มเอาจริงเอาจังกับการฝึกซ้อมและลงแข่งขันมากขึ้น จากเดิมแข่งแค่ในประเทศก็ขยับออกไปแข่งต่างประเทศเพื่อโอกาสพัฒนาตัวเอง ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นนักเทนนิสหญิงแถวหน้าของเมืองไทยในเวลาต่อมา จากผลงานในการสร้างชื่อคว้าเกียรติยศต่างๆมาอย่างต่อเนื่องให้กับตัวเองและประเทศไทย

"เอิร์ธ" เผยกับทีมข่าวกีฬาสยามถึงการมีโอกาสได้ร่วมแข่งขันแกรนด์สแลม ออสเตรเลียน โอเพ่น 2025 ว่า ส่วนตัวมองว่าการได้เข้าไปเล่นในแกรนด์สแลม ถือเป็นความฝันของนักเทนนิสทุกคนอยู่แล้ว แน่นอนว่าการมีชื่อเข้าไปเล่นในรอบเมนดรอว์ได้ จึงเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจมากๆสำหรับตน เพราะที่ผ่านๆมาตนก็พยายามสู้มาตลอด เพื่อคว้าโอกาสแบบนี้ด้วย

"หลายปีก่อนหน้านี้ เอิร์ธตระเวนแข่งต่างประเทศแบบไม่ได้มีสปอนเซอร์ ซึ่งก็ต้องออกทุนใช้และค่าใช้จ่ายต่างๆเอง ต้องยอมรับว่าต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการต่อสู้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นที่ยอมสู้ก็เพราะว่าเราชอบในเส้นทางนี้ด้วย มันเลยยิ่งทำให้เราไม่ได้ถอดใจหรือหมดความพยายามไปง่ายๆ ซึ่งถึงตอนนี้ก็มีสปอนเซอร์เข้ามาแล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเลยค่ะ เพราะก็ทำให้ยิ่งมีกำลังใจอยากจะลงแข่งขันและสร้างผลงานอีกเรื่อยๆ"

"เอิร์ธ" ซึ่งปัจจุบันเป็นมือ 131 ของโลก ในประเภทหญิงคู่ เผยอีกว่า ก่อนไปแข่งขันแกรนด์สแลม ออสเตรเลียน โอเพ่น 2025 ระหว่างวันที่ 12-26 ม.ค.2568 ตนก็วางแผนจะไปอุ่นเครื่องในระดับดับเบิลยูทีเอ ที่ออสเตรเลีย 2 แมตช์กับเพื่อนชาวไต้หวัน เพื่อปรับจังหวะและสร้างความคุ้นเคยร่วมกัน ซึ่งเป้าหมายในการแกรนด์สแลมที่ออสเตรเลีย ก็อยากจะคว้าชัยชนะครั้งแรกให้ได้

"ตอนนี้เอิร์ธอายุก็มากพอสมควรแล้วเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ 32 ปีแล้ว ก็อาจจะเล่นเทนนิสอาชีพได้อีกไม่นานนัก ฉะนั้นในทุกๆสนามทุกๆแมตช์หลังจากนี้ ก็จะพยายามโฟกัสทำผลงานในทุกๆแมตช์ให้ดีที่สุด ส่วนเป้าหมายของตัวเองในปี 2025 หลังจบออสเตรเลียน โอเพ่น และแมตช์อื่นๆแล้ว ก็คงต้องดูผลงานอีกทีว่าไปได้ขนาดไหน ซึ่งใจจริงก็อยากจะเข้ารอบลึกๆ หรือชนะให้ได้สัก 2-3 แมตช์ในออสเตรเลียนโอเพ่น เพื่ออันดับโลกเข้าไปติดท็อป 100 หรือขึ้นไปสัก 70 ซึ่งก็จะทำให้มีโอกาสได้เล่นในรายการใหญ่ๆ และแกรนด์สแลมต่อๆไปอีก"

เพียงธาร ยังเผยถึงผลงานในปี 2024 ด้วยว่า ในการเล่นเดี่ยวและคู่เป็นอีกปีที่ถือว่าทำได้น่าพอใจในระดับหนึ่ง อย่างประเภทคู่ปีนี้ก็พยายามเล่นในระดับดับเบิลยูทีเอ ทัวร์ เกือบทั้งปี และก็ประสบความสำเร็จ มีได้แชมป์หญิงคู่ นอร์เดีย โอเพ่น ที่สวีเดน เมื่อกลางเดือนก.ค.ที่ผ่านมา เป็นรายการคอร์ทดิน กับเพื่อนชาวไต้หวันคนนี้ที่จับคู่ได้ลุยแกรนด์สแลมด้วยกัน ซึ่งหลังได้แชมป์หญิงคู่ที่สวีเดน อันดับโลกขึ้นไปอยู่ท็อป 100  ก่อนจะเจ็บเข่า หยุดไป 2-3 เดือน และทำให้อันดับโลกก็ตกลงไปพอสมควร

"ถ้าวัดเป็นกราฟ เอิร์ธว่าเป็นกราฟที่ขึ้นลงขึ้นลงเลยค่ะ มีช่วงที่คิดจะเลิกเล่นบ่อยๆ มันมีความคิดเกิดขึ้นบ่อยๆว่า ถ้าเราตีได้แค่นี้ อันดับโลกประมาณนี้ เราควรจะเลิกตีดีกว่าไหม ด้วยเวลาเราออกไปแข่งมันต้องใช้เงินด้วย ซึ่งก็เป็นปัจจัยสำคัญในการเล่นอาชีพ แต่พอถึงเวลาสำคัญๆ มันก็จะมีลูปที่เรากลับมาชนะได้ อย่างช่วงโควิด-19 ช่วงนั้นไม่ได้แข่งนาน หยุดไป 2 ปี ก็ลองกลับมาท้าทายตัวเองดู ซึ่งถ้าไปแข่งแล้วไม่ดี ก็ตั้งใจว่าจะเลิกเล่น แต่ปรากฎว่าผลงานดี มีได้แชมป์ มีเข้าชิง อันดับโลกก็ขยับขึ้นมา ซึ่งมันก็เป็นจังหวะที่ทำให้ตัวเองไปต่อ"

"ช่วงที่ออกแข่ง ก็มีช่วงที่เราเล่นดียาวๆก็มี แต่เหมือนตอนนี้ก็ยังมีกำแพงที่ยังข้ามไม่พ้นอยู่ อย่างช่วงเล่นดีๆชนะได้บ่อยๆในไอทีเอฟ พอขยับไปเล่นในระดับเบิลยูทีเอ ก็จะเจอคู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่า ซึ่งก็ทำให้เรามักจะแพ้อยู่บ่อยๆ ก็ต้องกลับมาเริ่มในแมตช์ไอทีเอฟอีกครั้ง ซึ่งก็จะมีกำแพงนี้อยู่ที่ยังก้าวข้ามไม่ได้ ดังนั้นในปี 2025 ก็อยากจะลองดูอีกสักครั้ง และอยากจะก้าวข้ามให้ได้" เพียงธาร ทิ้งท้าย

ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport