วงการเทนนิสไทยกลับมาคึกคักและมีชีวิตชีวาพอสมควรในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา หลังนักเทนนิสไทยเริ่มมีผลงานที่ยอดเยี่ยมในการแข่งขันบนเวทีระดับนานาชาติ
ไล่มาตั้ง "ไหม" มนัญชญา สว่างแก้ว ที่โชว์ฟอร์มได้สุดยอดในการลงแข่งขันบนเวทีระดับดับเบิลยูทีเอ ทัวร์ อย่างต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นผลให้อันดับโลกจากเกือบ 200 พุ่งทะยานขึ้นมาอยู่ที่ประมาณอันดับ 130 ของโลก
ไม่เว้นแม้แต่ในระดับเยาวชน "บัว" กมลวรรณ ยอดเพ็ชร ดาวรุ่งอีกหนึ่งคนของวงการเทนนิสไทย ก็สามารถคว้าตั๋วลุยศึกจูเนียร์ แกรนด์แสลม ออสเตรเลียน โอเพ่น ช่วงต้นปี 2025 ได้ด้วย
ความยอดเยี่ยมของนักหวดไทยยังไม่หมด เมื่อ "เอิร์ธ" เพียงธาร ผลิพืช ก็สามารถคว้าไวลการ์ดเข้าสู่รอบเมนดรอว์ ในศึกเทนนิส แกรนด์สแลม ออสเตรเลียน โอเพ่น 2025 จากประเภทหญิงคู่ได้สำเร็จ เมื่อวันศุกร์ ที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา
ก่อนที่ให้หลังเพียง 1 วัน "บูม" กษิดิศ สำเร็จ นักหวดหนุ่มวัย 23 ปี จะคว้าตั๋วในประเภทชายเดี่ยว ลุยรอบเมนดรอว์ของศึกแกรนด์สแลม ออสเตรเลียน โอเพ่น 2025 ที่ออสเตรเลียได้เช่นกัน หลังในรอบชิงตั๋วของศึกเทนนิส รายการ 2025 เอโอ เอเชีย-แปซิฟิก ไวลด์การ์ด เพลย์ออฟ ที่เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน สาธารณประชาชนจีน เมื่อวันเสาร์ที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา กษิดิศ ปราบ ริโอะ โนกูชิ นักเทนนิสญี่ปุ่น มือวาง 2 ของรายการ และมือ 302 ของโลก ในรอบชิงชนะเลิศ 2-1 เซต
กษิดิศ คว้าแชมป์ชายเดี่ยวรายการดังกล่าวมาครองได้สำเร็จ พร้อมกับคว้าไวลด์การ์ดเข้าไปเล่นในรอบเมนดรอว์ ชายเดี่ยว ของศึกแกรนด์สแลม ออสเตรเลียน โอเพ่น 2025 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่าง 12-26 ม.ค.2025 ที่เมลเบิร์น พาร์ค ในนครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งการได้สิทธิ์ร่วมแข่งขันรอบนี้ ก็จะทำให้เจ้าตัว เตรียมได้จารึกชื่อและนามสกุลของตัวเองในแข่งขันแกรนด์สแลมครั้งแรกในชีวิตด้วย
การที่ "กษิดิศ" สามารถเข้าสู่รอบเมนดรอว์ชายเดี่ยวในการแข่งขันแกรนด์สแลม ออสเตรเลียน โอเพ่น 2025 ได้นั้น ยังทำให้เจ้าตัวกลายเป็นนักเทนนิสชายไทยคนที่ 3 คน ต่อจาก "บอล“ ภราดร ศรีชาพันธุ์ และ "ปิ๊ก" ดนัย อุดมโชค ที่ได้ลงแข่งขันเทนนิสระดับแกรนด์สแลมในประเภทชายเดี่ยว และยังเป็นนักเทนนิสชายคนแรกในรอบ 13 ปีด้วย ที่ได้ลงแข่งขันในแกรนด์สแลมประเภทชายเดี่ยว หลังคนล่าสุดที่ได้เข้าร่วมก็คือ "ปิ๊ก" ดนัย อุดมโชค เมื่อปี 2012 ในรายการออสเตรเลีย โอเพ่น เช่นกัน
ความสำเร็จในครั้งนี้ถือเป็นฝันที่ "กษิดิศ" ปลดล็อกลงได้ในวัย 23 ปี หลังเจ้าตัวก็ตั้งธงอยากจะทำให้สำเร็จมาตั้งแต่เด็กๆ และแม้ที่ผ่านมา เจ้าตัวจะมีโอกาสเดินตามรอยคุณพ่อ วิทยา สำเร็จ ตำนานนักหวดของเมืองไทย ด้วยการติดทีมชาติ และกลายมาเป็นกำลังหลักของทีมชาติไทยอย่างต่อเนื่องในเวลานี้ แต่กับการลงเล่นระดับอาชีพ เจ้าตัวก็มองว่ายังเดินไปได้ไม่ไกลพออย่างที่ตัวเองคาดหวัง
การปรับมายเซต หรือวิธีคิดทั้งในและนอกสนามถือเป็นสิ่งสำคัญที่ลดความกดดันของเจ้าตัวในการลงสนามได้เป็นอย่างดี จากเคยผิดหวังกับผลความพ่ายแพ้จนท้อแท้อยู่บ่อยๆ ก็ปรับวิธีการคิดใหม่สร้างแรงบันดาลใจไปในทางบวกให้ตัวเอง และมองเกมที่พ่ายแพ้คือการฝึกซ้อมชั้นดี และแม้จะต้องล้มลุกคลุกคลานไม่รู้กี่ครั้งต่อก็กี่ครั้ง แต่นี่คือสิ่งที่จะทำให้ตนเองเก่งและแกร่งยิ่งๆขึ้น
กอปรกับห้วงเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ย.2024 "กษิดิศ" มีโอกาสได้ตระเวนร่วมแข่งขันในต่างแดนในระดับเอทีพี ชาเลนจ์เจอร์ ทัวร์ ซึ่งก็ถือว่าเป็นระดับรองลงมาจากระดับเอทีพี ทัวร์ อย่างต่อเนื่อง นั่นก็ทำให้เจ้าตัวมีโอกาสได้เจอคู่แข่งมือที่สูงกว่าและเก่งกว่าในช่วงก่อนหน้านี้ที่ปักหลักในแมตช์ระดับไอทีเอฟ ทัวร์ ซึ่งเป็นระดับการแข่งขันที่รองลงมาจาก เอทีพี ชาเลนเจอร์ ทัวร์ และแม้แพ้มากกว่าชนะ แต่เมื่อมองในแง่ดี ก็ถือเป็นการพัฒนาฝีมือและจิตใจ และช่วยให้เจ้าตัวมีประสบการณ์มากขึ้น
ผลงานของ กษิดิศ ในเอทีพี ชาเลนเจอร์ ทัวร์ ที่ผ่านมา มีฟอร์มที่น่าพอใจเลยทีเดียว โดยเข้าถึงรอบ 16 คนสุดท้าย ได้ที่หางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อช่วงต้นเดือน ต.ค. ก่อนในช่วงปลายเดือนเดียวกันจะเข้าไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ในทัวร์นาเมนต์ที่เกาหลีใต้ และมาคว้าไวลด์การ์ด แกรนด์สแลม ออสเตรเลีย โอเพ่น 2025 ได้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
การผ่านเข้าไปเล่นในรอบเมนดรอว์ของเทนนิสแกรนด์สแลม ซึ่งถือเป็นเลเวลสูงสุดของการแข่งขันระดับอาชีพนักเทนนิส ซึ่งการผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย "บูม" ก็จะได้เงินรางวัลการันตีระดับหลักล้าน โดยแม้จะแพ้รอบแรกหรือรอบ 128 คน ยังได้เงินรางวัลสูงถึง 2.6 ล้านบาทเลยทีเดียว หรือเข้ารอบต่อไปก็คูณสองหรือเพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
ที่สำคัญก็อาจเป็นจุดที่สร้างความมั่นใจให้กับกษิดิศ นักหวดหนุ่มวัย 23 ปี เจ้าของส่วนสูง 191 ซม.ได้เป็นอย่างดี ในการไม่หยุดที่จะเดินหน้าและพัฒนาตัวเองต่อ เพื่อเป้าหมายที่ไกลและยิ่งใหญ่กว่านี้ ซึ่งสิ่งที่เจ้าตัวหวังและทำได้เลยก็คืนการพยายามไต่อันดับโลกให้สูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อสร้างโอกาสในการแข่งขันระดับที่สูงยิ่งๆขึ้นกว่านี้ หลังในการประกาศอันดับโลก เมื่อ 2 ธ.ค.2024 เจ้าตัวรั้งมือ 414 ของโลก
ส่วนความฝันที่เป็นจริงกับการได้ลุยเทนนิสแกรนด์สแลมครั้งแรกในชีวิตของ "เจ้าบูม" กับศึกออสเตรเลียน โอเพ่น 2025 ในช่วงเดือนม.ค.ที่จะถึงนี้ เจ้าตัวจะไปได้ไกลแค่ไหนแฟนๆกีฬาต้องช่วยเชียร์และช่วยกันลุ้น ซึ่งสิ่งที่ได้กลับมาแน่นอน นอกจากผลแพ้-ชนะ ก็คือเรื่องประสบการณ์จากการได้สัมผัสและซึมซับบรรยากาศการแข่งขันระดับโลก บนเวทีแกรนด์สแลม ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าตั้งแต่ แทมมารีน ธนสุกาญจน์, ภราดร ศรีชาพันธุ์ และ ดนัย อุดมโชค นั้นแขวนแร็คเก็ต เป็นเรื่องที่ยากเหลือเกินสำหรับนักเทนนิสไทยที่จะได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบเมนดรอว์