"บิ๊กป้อม" สั่งกกท.-กองทุนฯเร่งเคลียร์เงินนักกีฬาที่ยังค้างจ่าย

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย เป็นประธาน ในการประชุมคณะกรรมการบริหารโอลิมปิกฯ ที่ห้องประชุม สำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิกไทย ครั้งที่ 4 เมื่อ 22 ธ.ค. 2565 โดยในที่ประชุมได้มีการหารือถึงความพร้อมของจังหวัดเจ้าภาพ ที่จะจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ในปีพ.ศ. 2568 หรือ ค.ศ.2025 ซึ่งมีจังหวัดที่สนใจเสนอข้อมูลจำนวน กลุ่ม 6 จังหวัด ได้แก่ 1.กลุ่มภาคกลางและภาคใต้ กรุงเทพมหานคร-ชลบุรี-สงขลา, 2.กลุ่มทะเลอันดามันภูเก็ต-พังงา-กระบี่-ตรัง, 3.กลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างศรีสะเกษ-อุบลราชธานี-อำนาจเจริญ-ยโสธร, 4.จ.เชียงใหม่, 5.จ.นครราชสีมา และ 6.จ.กาญจนบุรี

ในที่ประชุม นายกองเอกชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ยังได้เสนอแนวคิด ในการกระจายเป็นเจ้าภาพของจังหวัดต่างๆในการจัดแข่งขันกีฬาฟุตบอล ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 เพื่อสร้างกระแสและความนิยมในการชมกีฬาให้กับจังหวัดเจ้าภาพนั้นๆ ซึ่งในการสรุปเจ้าภาพนั้นคาดว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จะสรุปจัดหวัดเจ้าภาพในช่วงเดือน ก.พ.2566 เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป และเพื่อให้ทันต่อการรับธงในการเป็นเจ้าภาพแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ในช่วงเดือนพ.ค.2566

ขณะเดียวกันในที่ประชุม ยังได้เน้นย้ำถึงเรื่องการงดใช้สารต้องห้ามสำหรับการแข่งขันกีฬาทุกประเภท โดยได้ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมกันเตรียมความพร้อมสำหรับนักกีฬา ทั้งการนำวิทยาศาสตร์การกีฬา โภชนาการเข้ามาใช้เพื่อพัฒนาทักษะ พร้อมหารือถึงเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณของสมาคมกีฬา ทั้งในส่วนที่คงค้างอยู่ และในส่วนของการเตรียมทีมนักกีฬาทีมชาติไทย เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในมหกรรมกีฬาในปี 2566 ทั้งกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา, เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่จีน รวมทั้งกีฬา เอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ที่กรุงเทพมหานคร และ จ.ชลบุรี จะร่วมกันเป็นเจ้าภาพ  โดย พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำอย่างหนักแน่นในที่ประชุมว่า กกท. และกองทุนฯ จะต้องร่วมกันดำเนินการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้สมาคมกีฬาและนักกีฬาเดือดร้อน