ชื่อของ "กีตาร์" กมลชนก สีเคน นักเทควันโดดาวรุ่งวัย 19 ปี ดีกรีรองแชมป์โลก 2023 ในรุ่น 46 กก. ถูกจับตามองจากแฟนกีฬาอยู่ไม่น้อยในฐานะนักกีฬาที่ถูกผลักดันให้ก้าวมาทำหน้าที่ต่อจาก "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ตำนานจอมเตะไทย เจ้าของแชมป์โอลิมปิกเกมส์ 2 สมัย ที่ประกาศเลิกเล่นทีมชาติไปแล้ว
ด้วยฝีไม้ลายมือบวกกับโปรไฟล์ที่ไม่ธรรมดากวาดรางวัลมาแล้วนับไม่ถ้วนทั้งในและเวทีนานาชาติ ย่อมทำให้เจ้าตัวถูกคาดหวังจากแฟนๆกีฬา ซึ่งก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เจ้าตัวได้รับความไว้วางใจจากสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย และถูกเลือกให้ก้าวขึ้นมาเป็นนักกีฬาตัวหลักในรุ่น 49 กก.หญิง
ล่าสุด "กีตาร์" กมลชนก สีเคน ก็เดินทางสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองเป็นการเปิดฉากปี 2025 ได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการคว้าแชมป์ในระดับนานาชาติ 2 รายการติดต่อกัน ทั้งในศึก ดัตช์ โอเพ่น ที่เนเธอร์แลนด์ และศึกเบลเจียน โอเพ่น ที่เบลเยียม
จากผลงานสุดยอดเยี่ยมสร้างความสุขให้กับแฟนกีฬาไทยตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่าน "กีตาร์" มีมุมมองถึงฟอร์มและผลงานของตัวเองอย่างไร ขณะเดียวกันเจ้าตัวตั้งเป้าหมายให้ตัวเองไว้อย่างไรและในฐานะตัวแทนที่ถูกคาดหมายว่าจะให้ก้าวขึ้นมาทำหน้าที่แทนรุ่นพี่ อย่าง "เทนนิส" พาณิภัค เธอมีความกดดันหรือกังวลกับเรื่องนี้หรือไม่ และนี่คือบทสัมภาษณ์ทั้งหมดที่เจ้าตัวได้เปิดใจกับทีมข่าวกีฬาสยามและสยามสปอร์ต
2 แมตช์ที่ผ่านมา ได้เหรียญทองทั้ง 2 รายการ พอใจฟอร์มของตัวเองมากน้อยแค่ไหน ?
กีตาร์ : "พอใจกับฟอร์มและผลงานที่ออกมาเลยค่ะ รายการแรกที่ได้แชมป์ที่เนเธอร์แลนด์ เป็นรายการ ดัตช์ โอเพ่น ค่ะ ส่วนอีกรายการ แข่งขันในสัปดาห์ต่อมา ที่เบลเยียม รายการ เบลเจียน โอเพ่น ค่ะ ก็ถือเป็นการแข่งขันที่ช่วยสร้างประสบการณ์ให้หนูค่ะ โดยเฉพาะกับการแข่งขันในรุ่น 49 กก.หญิง ประชาชนค่ะ หลังจากที่ผ่านๆมา หนูมักจะเล่นอยู่ในรุ่น 46 กก.หญิง"
รายการดัตช์ โอเพ่น เอาชนะตัวตึง อย่าง อาเดรียนา เซเรโซ่ อิเกลเซียส เหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์ได้ด้วย ?
กีตาร์ : "ใช่ค่ะ ครั้งนี้หนูเจอกับ อาเดรียน่า ในรอบรองชนะเลิศ รายการ ดัตช์ โอเพ่น ค่ะ ก็ถือว่าปลดล็อคให้ตัวเองได้สักที เพราะ 2 ครั้งที่เจอกันมาก่อนหน้านี้แพ้รวด ทั้งรายการ เวิลด์กรังด์ปรีซ์ ชาเลนจ์ แพ้ไป 1-2 ยก และ เซอร์เบีย โอเพ่น ก็แพ้ไป 0-2 ยก ค่ะ ครั้งนี้เจอเขา ก็ปรับเกมสู้ บอกตัวเองให้เกร็งให้น้อยลง พยายามเล่นในสไตล์เรา และแมตช์นั้นก็คุมเกมเป็นของเราตลอดทั้งแมตช์ ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้เล่นในเกมที่ถนัดค่ะ และรอบนี้หนูเลยชนะได้ 2-0 ยก ค่ะ มันก็ทำให้เรากล้าบอกกับตัวเองว่า เราทำได้แล้ว เราก้าวข้ามได้แล้ว ซึ่งมันก็ทำให้เราได้รู้ว่า เราก็มีศักยภาพและพัฒนาขึ้นมา ซึ่งก็ทำให้มั่นใจและเอาชนะนักกีฬาเยอรมันได้อีกในรอบชิงชนะเลิศค่ะ"
ความแตกต่างระหว่างรุ่น 46 กก. กับ 49 กก.ต่างกันเยอะไหม ?
กีตาร์ : "สำหรับหนูมองว่าค่อนข้างมีความแตกต่างกันอยู่ค่ะ อย่างคู่แข่งในรุ่น 49 กก. หนูได้เจอนักกีฬาหลายๆคนที่ไม่เคยแข่งขันด้วยมาก่อน ก็ทำให้ต้องเก็บข้อมูลและทำการบ้านพอสมควร นักกีฬาหลายคนตัวใหญ่และหนากว่าที่เราเคยเจอ ซึ่งด้วยความที่สรีระอาจจะเสียเปรียบก็ต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการที่จะเตะเข้าทำให้เด็ดขาดขึ้น ส่วนเรื่องความแข็งแรงหนูมองว่าไม่ได้เป็นรองมากนัก ส่วนสิ่งที่ต้องปรับเพิ่ม ก็คือต้องพยายเล่นในยุทธวิถีที่หลากหลายมากขึ้น อย่างหนูชอบเตะขาหน้า ก็ต้องพัฒนาอาวุธอื่นให้คู่แข่งจับทางได้ยากขึ้น ซึ่งนอกจากพัฒนาตัวเอง หนูก็ชอบศึกษาคู่แข่งคนอื่นๆด้วยค่ะ แล้วก็ติดตามดูนักกีฬาต่างประเทศที่เก่งๆ ซึ่งตอนนี้ที่ตามอยู่ก็คือ ฮุยเฉียน หยาง นักกีฬาเกาหลีใต้ ค่ะ"
รู้สึกกันดันไหมที่โดนจับตาและถูกคาดหวังกับการขึ้นมาเป็นตัวแทนของรุ่นพี่ อย่าง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ?
กีตาร์ : "ที่ผ่านมาหนูก็เห็นคำเปรียบเทียบต่างๆในช่องทางโซเชียลอยู่พอสมควรค่ะ ซึ่งที่เห็นก็มีทั้งเป็นเชิงบวกและเชิงลบค่ะ แต่ก็เข้าใจค่ะ หลายคอมเมนต์ที่เป็นพลังลบก็ปล่อยผ่าน ไม่ได้เก็บมาคิดหรือสนใจอะไรค่ะ ก็จะอ่านแต่สิ่งที่เป็นในเชิงบวกมากว่าค่ะ ส่วนทุกวันนี้ก็พยายามบอกกับตัวเองว่าต้องพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด"
หลังจากนี้ มีแมตช์แข่งขันที่ไหนอีก ?
กีตาร์ : "ถ้าเอาเฉพาะที่มีชื่อว่าจะไปแข่งขันแน่ๆ ก็มีในช่วงเดือนเม.ย.นี้ จะมีแมตช์ที่จีนค่ะ เหมือนเป็นรายการเก็บคะแนน และชิงตั๋วไปชิงแชมป์เอเชียค่ะ แล้วก็มีแมตช์ที่สหรัฐฯคะ ช่วงเดือนมิ.ย.นี้ ค่ะ รายการเวิลด์ เทควันโด กรังด์ปรีซ์ ชาเลนจ์ รวมถึงมหกรรมกีฬามหาวิทยาลัยโลก 2025 ช่วงกลางเดือน ก.ค.นี้ ที่เยอรมันค่ะ หนูก็เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันด้วยค่ะ หลังได้เหรียญทองในการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย เมื่อช่วงต้นปี 2025 ที่ม.ธรรมศาสตร์ค่ะ"
เป้าหมายและความฝันสูงสุดของกีตาร์ในฐานะนักกีฬาทีมชาติคืออะไร ?
กีตาร์ : "จริงๆหนูมีความฝันตั้งแต่เด็กๆค่ะ เป้าหมายแรกของหนูคือ อยากติดทีมชาติให้ได้ค่ะ ซึ่งพอติดทีมชาติแล้ว มันก็เป้าหมายสเต็ปต่อไปค่ะ ที่สูงที่สุดในใจหนูตอนนี้ก็คืออยากคว้าเหรียญโอลิมปิกเกมส์ค่ะ หนูอยากไปถึงจุดนั้นเหมือนที่พี่เทนนิสเคยทำได้ ส่วนจะได้ไม่ได้ ก็อยากจะลองพยายามให้เต็มที่ที่สุดของหนูก่อนค่ะ
แบ่งเวลาเรียน ซ้อมยากง่ายแค่ไหน แล้วผ่อนคลายให้ตัวเองอย่างไรบ้าง ?
กีตาร์ : "ตอนนี้หนูเรียนอยู่คณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 ม.กรุงเทพธนบุรี ค่ะ ก็คือทางสถาบันช่วยเหลือเต็มที่เลยค่ะ เพราะก็รู้ว่าเราต้องซ้อมกับทีมชาติแบบเต็มเวลาทั้งเช้าและเย็นเลย ตารางเรียนก็จะเป็นเข้าไปมหาวิทยาลัยทุกวันเสาร์แรกของเดือนค่ะ ก็จะไปทั้งเรียนและส่งงานวันนั้นวันเดียวค่ะ ส่วนที่เหลือก็จะเป็นรูปแบบออนไลน์ ต้องขอบคุณสถาบัน คณะผู้บริหาร อาจารย์ และเพื่อนๆค่ะที่ช่วยหนูเหลือมาอย่างดี และดูแลดี ทุกครั้งที่ไปแข่งในนามสถาบันก็จะได้ขวัญกำลังใจเป็นเงินรางวัลอัดฉีด ส่วนเวลาว่างๆหนูชอบดูซีรีส์ค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแนวเกาหลี แล้วก็เล่นโซเชียลบ้างค่ะ พวก ติ๊กต่อก อินสตาแกรม แล้วก็เฟซบุ๊ค ก็ถือว่าช่วยผ่อนคลายได้ดีในระดับหนึ่งเลยค่ะ"