หากพูดถึงนักกีฬาเทควันโดพุมเซ่ (ท่ารำ) ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทย หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ "ออมสิน" อรนวีย์ ศรีสหกิจ นักเทควันโดหน้าหวาน ซึ่งก็ถือเป็นนักกีฬายุคที่บุกเบิกความสำเร็จต่างๆมากมายให้กับวงการเทควันโดท่ารำไทย ไม่ว่าจะเป็นแชมป์โลก, เหรียญทองเอเชียนเกมส์ รวมไปถึงเหรียญทองซีเกมส์
มีจุดเริ่มต้นย่อมมีจุดสิ้นสุด ล่าสุด "ออมสิน" ในวัย 24 ปี ได้ประกาศอำลาและปิดฉากเส้นทางการเป็นนักกีฬาเทควันโด พุมเซ่ อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งข่าวดังกล่าวก็สร้างความเสียดายให้กับแฟนๆกีฬาชาวไทย รวมถึงทีมพุมเซ่ไทยไม่น้อย เพราะเจ้าตัวถือเป็นพี่ใหญ่ที่มีทั้งฝีมือและประสบการณ์ในการแข่งขันที่โชกโชน รับใช้ชาติยาวนานถึง 9 ปี พ่วงด้วยกัปตันทีมชาติอีก 6 ปี
"ออมสิน" เปิดใจกับทีมข่าวกีฬาสยามและสยามสปอร์ต ถึงการประกาศเลิกเล่นกีฬาเทควันโดพุมเซ่ พร้อมกับอำลาทีมชาติอย่างเป็นทางการ ผ่านการโพสต์ข้อความลงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ส่วนตัวเมื่อ 21 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า จริงๆแล้วตนมีความคิดที่จะเลิกเล่นเทควันโดมาตั้งแต่ช่วงปี 2022 แล้ว ซึ่งตอนนั้นก็เริ่มมีความคิดที่อยากจะเลิกเล่น และอยากจะลองไปทุ่มเทหรือทำในสิ่งต่างๆที่ตนเองอยากจะทำดูบ้าง
"แต่เอาเข้าจริงก็ยังไม่ได้เลิกค่ะ ประกอบกับ โค้ชลี ลี นายอน ชาวเกาหลีใต้ ที่ดูแลฝึกหนูมาตั้งแต่เริ่มเล่นทีมชาติเมื่อปี 2016 กลับมาทำงานกับสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย หนูก็เลยอยากลองสู้อีกสักตั้ง ก็คิดว่าจะคว้าเหรียญทองในศึกชิงแชมป์โลก 2024 ให้ได้อีกสักครั้ง ก่อนจะประกาศเลิกเล่น แต่ก็ทำไม่สำเร็จค่ะ เต็มที่คือเหรียญทองแดงค่ะ ก็เลยผิดแผนไป"
"หลังแข่งชิงแชมป์โลก 2024 ที่ฮ่องกงเสร็จ ตอนนั่นเครื่องบินกลับไทย หนูก็ได้คุยกับโค้ชลีค่ะ โค้ชก็พูดให้แง่คิดดีๆหลายอย่าง รวมถึงปลอบใจตัวหนูด้วยที่แม้จะไม่ได้เหรียญทองอย่างที่หวัง แต่ก็ไม่อยากให้ไปคิดลดทอนคุณค่าเหรียญทองแดง ซึ่งก็เป็นเหรียญที่เราต่อสู้เอาชนะหลายๆทีม จนได้มันมาครอง ซึ่งที่คุยกันก็รวมไปถึงเรื่องที่หนูจะเลิกเล่นด้วย ซึ่งโค้ชก็ยังถามหนูด้วยว่า จะไม่เสียดายใช่ไหม ถ้าเลิกเล่น"
"หลังกลับมาที่ไทย หนูได้แข่งกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 50 ที่ม.ธรรมศาสตร์อีกรายการค่ะ พอแข่งเสร็จก็มองว่าน่าจะเป็นช่วงที่เหมาะที่จะประกาศเลิกเล่น ก็เลยโพสต์ลงโซเชียลค่ะ ซึ่งเรื่องนี้หนูแจ้งกับโค้ชลีแล้ว แล้วโค้ชก็ปรึกษาเรื่องนี้กับสมาคมกีฬาเทควันโดแล้วค่ะ ซึ่งทางทีมโค้ช และผู้บริหารเองก็เคารพในการตัดสินใจค่ะ"
"ออมสิน" ยังเผยอีกว่า กว่า 9 ปีในการรับใช้ชาติ รู้สึกภาคภูมิใจและเป็นเกียรติมากๆที่ทำหน้าที่ ซึ่งในแต่ละแมตช์การแข่งขันต่างๆก็ล้วนมีเรื่องราวดีๆเรื่องราวที่น่าจดใจให้ได้นึกถึง อย่างแมตช์ที่แข่งชิงแชมป์โลก 2016 ที่ไปได้เหรียญทองกลับมา ตนเองถือว่าเป็นแมตช์ที่เปิดโลกการแข่งขันของตนเองเลย เพราะเป็นแมตช์แรกที่ได้ลงแข่งในระดับนานาชาติ
"หรืออย่างแมตช์เอเชียนเกมส์ 2018 ก็ประทับใจมากๆ เพราะได้เหรียญทองทีมหญิง ซึ่งเป็นเหรียญทองแรกของไทยในเอเชียนเกมส์ครั้งนั้น และยังเหรียญทองที่ทำให้ใครหลายๆคนได้รู้จักตนเองและน้องๆในทีม ได้รู้จักว่ากีฬาเทควันโดพุมเซ่ คือ กีฬาอะไรด้วย ส่วนซีเกมส์ 2019 ก็ประทับใจค่ะ แมตช์นั้นได้เหรียญทอง แล้วหนูเองก็มีโอกาสได้วิ่งโบกธงชาติไทยไปรอบสนาม ซึ่งไม่ได้ทำตอนที่ได้เหรียญทองเอเชียนเกมส์ค่ะ ก็ถือเป็นความรู้สึกที่ดี และยังคิดถึงวันเวลาเหล่านั้น"
ออมสิน ยังเล่าให้กับทีมข่าวกีฬาสยามฟังอีกว่า สำหรับตนคิดว่าตอนนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดแล้ว ที่จะยุติบทบาทในฐานะนักกีฬาทีมชาติ สำหรับตนเองอาจจะเรียกว่าอิ่มตัวก็ได้ ซึ่งหลังจากนี้ก็มีแพลนในหัวที่อยากจะทำอะไรต่างๆมากมาย ส่วนตัวไม่ทิ้งวงการเทควันโด พุมเซ่ แน่นอน ที่คิดไว้อยากจะทำยิมเทควันโดพุมเซ่ สอนและถ่ายทอดวิชากับประสบการณ์ที่ตัวเองมีให้กับเด็กๆรุ่นใหม่ รวมถึงก็อยากจะทำยิมที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพื่อการสร้างนักกีฬาไปสู่ความเป็นเลิศอย่างเดียว แต่อยากจะทำยิมให้คนได้มาเรียนวิชาป้องกันตัว และได้มาออกกำลัง เพื่อการมีสุขภาพที่ดีด้วย
"หนูมองว่าชีวีตการเป็นนักกีฬาเทควันโดพุมเซ่ทีมชาติ ได้ให้มุมมองอะไรหลายๆอย่างกับหนูมากเลยค่ะ นอกจากเรื่องในสนามแล้ว มันฝึกให้เรามีความรับผิชอบและอดทนด้วย อย่างแต่ก่อนหนูเป็นคนที่นอนดึกหรือเช้า เพราะชอบดูซีรีส์แล้วก็ตื่นบ่ายเลย ก็ทำให้พลาดโอกาสอะไรหลายๆอย่างไปด้วย แต่พอมาเป็นนักกีฬาทีมชาติ ทำให้รับผิดชอบมากขึ้น และจัดสรรเวลา รวมถึงแบ่งเวลาได้ดีขึ้น ทั้งซ้อม แข่ง เรียน หรือพักผ่อน รวมถึงการทำให้รู้จักการเป็นผู้ชนะที่ดี และผู้แพ้ที่ดีด้วย"
"จริงๆมันยากเลยนะคะ ที่ต้องซ้อม แข่ง แล้วเรียนไปด้วย ก็ถือว่าหนักมากๆ แต่ก็พยายามอดทนและพยายามแบ่งเวลาให้สมดุลที่สุด เพื่อที่จะสิ่งต่างๆที่เราอยากจะให้สำเร็จไปพร้อมๆกันได้ ซึ่งพอมันทำได้จริงๆทั้งเราแข่งได้เหรียญรางวัล รวมถึงเราสามารถเรียนจบป.ตรี และ ป.โท ได้ ก็รู้สึกภูมิใจมากๆค่ะ จริงๆต้องขอบคุณตัวเองที่อดทนและไม่ยอมแพ้ไปก่อน รวมถึงคนรอบๆข้าง ทั้งเพื่อน พี่ น้อง โค้ช อาจารย์ สถาบัน และสมาคมด้วยค่ะ"
ออมสิน เผยทิ้งท้ายว่า นอกจากอยากจะเปิดยิม ซึ่งตอนนี้กำลังมองหาสถานที่อยู่แล้ว ก็อาจจะได้ทำงานอื่นๆที่อยากทำได้ด้วย ซึ่งเจ้าตัวก็เปรยๆว่าอาจจะมีผลงานในวงการบันเทิงอย่างการเป็นสตั๊นแมนให้ได้เห็นกันด้วย พร้อมกันนี้ยังอวยพรและให้กำลังน้องๆในทีมชาติชุดปัจจุบันมุ่งมั่นตั้งใจฝึกซ้อม โดยเชื่อว่าหลายๆคนมีศักยภาพที่ดีพอที่จะสามารถก้าวไปสร้างความสำเร็จให้ประเทศไทยได้
ผลงานโดดเด่นของ อรนวีย์ ศรีสหกิจ
ปี 2024 : เหรียญทองแดง ชิงแชมป์โลก, เหรียญเงิน ศึกโซลคัพ, 3 เหรียญทอง ศึกฮามาดัง, 2 เหรียญทอง ศึกซองนัม โอเพ่น และ 2 เหรียญเงินชิงแชมป์เอเชีย
ปี 2023 : เหรียญทองแดง ซีเกมส์
ปี 2022 : เหรียญทองแดงชิงแชมป์โลก, เหรียญทองแดงชิงแชมป์เอเชีย, 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง ซีเกมส์
ปี 2019 : 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน ซีเกมส์, 5 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง ศึกเวิลด์บีช พร้อมคว้านักกีฬายอดเยี่ยม, 1 เหรียญทอง ชุงจู มาร์เชียลอาร์ท, 2 เหรียญทอง, 2 เหรียญทองเวิลด์คัพ พร้อมรางวัลทีมยอดเยี่ยม, 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน ศึกฮามาดัง และ เหรียญทองแดง กีฬาม.โลก
ปี 2018 : เหรียญทอง เอเชียนเกมส์, เหรียญทองแดง ชิงแชมป์โลก, 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง มาเลเซีย โอเพ่น และ 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง ชิงแชมป์เอเชีย
ปี 2017 : 1 เหรียญทองเวิลด์บีช, 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน ซีเกมส์, 2 เหรียญทอง โคเรีย โอเพ่น, 1 เหรียญทอง 1 เหรียญทองแดง ชิงแชมป์เอเชีย
ปี 2016 : เหรียญทอง ชิงแชมป์โลก