กีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 50 หรือ "ธรรมศาสตร์เกมส์" ที่ม.ธรรมศาสตร์ เป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันระหว่าง 9-18 ม.ค.2568 ปิดฉากลงไปแล้ว ซึ่งบทสรุปของการแข่งขัน นอกเหนือจากเป็นเกมการแข่งขันที่เชื่อมมิตรภาพและความสามัคคีแล้ว ในแง่ของความเป็นเลิศ ก็ถือเป็นการพัฒนานักกีฬาและวงการกีฬาไทยในอีกหนึ่งทางด้วย
มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี หรือ (มกธ.) เจ้าเหรียญทอง 5 สมัยที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสถาบันชั้นนำด้านกีฬาของเมืองไทยในเวลานี้ จากการมีดาวดังนักกีฬาทีมชาติ รวมถึงนักกีฬาระดับท็อปๆของแต่ละชนิดกีฬาอยู่จำนวนมาก ยังคงสร้างผลงานไร้เทียมทาน ด้วยการคว้าเจ้าเหรียญทองเป็นสมัยที่ 6 แบบต่อเนื่อง คือปี 2560, 2561, 2562, 2566, 2567, 2568 เว้นไป 3 ปีช่วงโควิด-19 ระบาด ซึ่งก็นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับสถาบันอีกครั้ง
ผลงานโดยรวมของมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ในการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทยครั้งที่ 50 โกยเหรียญมโหฬารถึง 124 เหรียญทอง 45 เหรียญเงิน 51 เหรียญทองแดง จากทั้งหมด 37 ชนิดกีฬา 372 เหรียญทองที่มีชิงชัย โดยมีถึง 11 ชนิดกีฬาที่ ม.กรุงเทพธนบุรี ทำเหรียญทองได้มากกว่าคู่แข่ง และ 2 ชนิดกีฬา อย่าง กรีฑา และ ว่ายน้ำ เป็นหัวหอกในการโกยเหรียญรางวัลให้กับสถาบัน
กีฬาที่โดดเด่นที่สุดคือ กรีฑา ซึ่งทัพมกธ. นำโดย "บิว" ภูริพล บุญสอน และ "น่าน" ศุภานิช พูลเกิด 2 ลมกรดทีมชาติไทย เป็นตัวชูโรง สามารถโกยเหรียญไปได้มากถึง 48 รายการ แบ่งเป็น 28 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 8 เหรียญทองแดง ถือเป็นกีฬาที่ทำเหรียญรางวัลให้มหาวิทยาลัยที่สุด ตามมาด้วยว่ายน้ำ ที่มี "เงือกเนย" กมลชนก ขวัญเมือง เงือกสาวทีมชาตินำทัพ โดยทัพเงือก-ฉลาม มกธ.คว้ามาได้ 44 เหรียญ แบ่งเป็น 26 เหรียญทอง 11 เหรียญเงิน 7 เหรียญทองแดง และ "เงือกเนย" คว้าไปคนเดียวถึง 9 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน ครองตำแหน่งราชินีสระ
ขณะทีอีกหลายชนิดกีฬาที่มีเหล่าสตาร์ระดับชาติเป็นตัวชูโรงก็พากันทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โกยเหรียญทองและเหรียญรางวัลให้กับสถาบันเป็นว่าเล่น อาทิ แบดมินตัน, เทควันโด, คาราเต้, เซปักตะกร้อ, เทนนิส, เปตอง, ปันจักสีลัต, ยูยิตสู, หมากกระดาน, เอแมท และฮับกิโด ส่งผลให้สุดท้ายแล้ว ม.กรุงเทพธนบุรีเข้าป้ายเจ้าเหรียญทองก่อนจะจบการแข่งขันเสียอีก
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นล้วนแล้วมาจากนโยบายในด้านกีฬาที่ชัดเจนของสถาบัน ซึ่งก็ต้องบอกว่าให้สนับสนุนกีฬาเต็มที่ จากการที่กล้าทุ่มทุนกับการดึงนักกีฬาที่มีความสามารถสูงระดับทีมชาติหรือหัวกะทิของวงการกีฬานั้นๆเข้ามาร่วมทีมในฐานะนักศึกษาของสถาบัน ซึ่งแน่นอนว่าสถาบันและตัวนักกีฬาที่เข้าร่วมต่างก็ได้รับประโยชน์ร่วมกันทุกคู่
สถาบันให้การสนับสนุนนักกีฬาแต่ละคนอย่างเต็มที่เพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับนักกีฬาแต่ละคนอยากจะย้ายมาร่วมรั้วสถานศึกษาแห่งนี้ สำคัญที่สุดที่ให้ความเชื่อเหลือคือเรื่องของการศึกษา ที่มีโปรแกรมการเรียนที่เอื้อให้กับนักกีฬา มีสถานที่ฝึกซ้อมและที่พัก มีทุนการศึกษา และยังมีเงินรางวัลอัดฉีดมอบให้อยู่เสมอๆ
นอกจากนี้มหาวิทยาลัยยังสนับสนุนในด้านอื่นๆให้กับนักกีฬา เช่น อุปกรณ์กีฬาคุณภาพสูง, การมีโค้ชที่เชี่ยวชาญคอยช่วย เพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการออกแข่งขันระดับประเทศและนานาชาติ รวมไปถึงสามารถต่อยอดความสำเร็จด้านกีฬาได้ แน่นอนว่าสถาบันก็ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ จากการที่มีนักกีฬาทีมชาติมาร่วมลงแข่งขันให้ในการแข่งขันกีฬาปัญญาชนทุกๆปี
สิ่งเหล่านี้เป็นแรงจูงใจสำคัญให้นักกีฬาหลายคนอยากเข้ามาเป็นนิสิตของสถาบัน ซึ่งเมื่อ 20 ม.ค.2568 สถาบันก็เพิ่งจัดงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จให้กับทัพนักกีฬา พร้อมกับมอบรางวัลให้ฉีด 15,230,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับทีมชุดทำศึก "ธรรมศาสตร์เกมส์"
ความสำเร็จในการคว้าแชมป์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงความสามารถของนักกีฬาเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยที่กล้าจะเปิดโอกาสและสร้างบรรยากาศในการพัฒนาศักยภาพทางการกีฬาอย่างเต็มที่ ส่งเสริมให้นักศึกษามีแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองทั้งในด้านกีฬาและการศึกษาควบคู่กันไป
แน่นอนว่าม.กรุงเทพธนบุรี ยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์และพัฒนานักกีฬา โดยมีเป้าหมายในการรักษาและพัฒนามาตรฐานต่อไปสถาบันที่เป็นผู้นำในวงการกีฬามหาวิทยาลัยของประเทศไทยเอาไว้ให้เหนียวแน่นและยาวนานที่สุด ซึ่งในการแข่งขันครั้งต่อไปปี 2569 ที่ม.แม่โจ้ พวกเขาก็พร้อมจะเดินหน้าขยับสถิติเป็นเจ้าเหรียญทอง 7 สมัยติดให้ได้ด้วย
เรื่องโดย : Lm