จากการที่สภากีฬาโรงเรียนแห่งอาเซียน มีมติปรับเปลี่ยนชนิดกีฬาบังคับ โดยเปลี่ยนจากกีฬา เซปักตะกร้อ เป็น กีฬาบาสเกตบอล ส่งผลให้ กีฬาเซปักตะกร้อ อาจจะไม่ได้มีแข่งทุกปี หากประเทศเจ้าภาพไม่มีความพร้อมในการบรรจุกีฬาชนิดนี้ในการแข่งขันกีฬาอาเซียนสคูลเกมส์ ซึ่งถือว่าเป็นรายการสำคัญของวงการตะกร้อไทย ในการให้นักกีฬาระดับเยาวชนได้ลงแข่งขันในระดับอาเซียน เปรียบเสมือนเป็นจุดเริ่มต้นการเป็นนักกีฬาทีมชาติไทยของกีฬาตะกร้อ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายจรูญ แก้วมุกดากุล รองอธิบดีกรมพลศึกษา รักษาราชการแทนอธิบดีกรมพลศึกษา เปิดเผยว่า ในฐานะที่กรมพลศึกษาเป็นหน่วยงานหลักของเรื่องนี้ ได้มีการประชุมวิสามัญสภากีฬาโรงเรียนแห่งอาเซียนเมื่อปี 2023 ซึ่งมีการเปลี่ยนกีฬาบังคับที่จะต้องมีแข่งทุกปีในการแข่งขันอาเซียนสกูลเกมส์ โดยเปลี่ยนจากกีฬาเซปักตะกร้อเป็นกีฬาบาสเกตบอลแทน ทำให้กีฬาบาสเกตบอลจะเป็นกีฬาบังคับจะต้องมีแข่งทุกปี ส่วนกีฬาตะกร้อก็ขึ้นอยู่กับประเทศเจ้าภาพว่าจะบรรจุหรือไม่ ทำให้ศึกอาเซียนสคูลเกมส์ครั้งล่าสุด ที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพเมื่อปีที่แล้วไม่มีการบรรจุกีฬาเซปักตะกร้อ
นายจรูญ แก้วมุกดากุล ที่รักษาราชการแทนอธิบดีกรมพลศึกษา กล่าวต่อว่า กีฬาเซปักตะกร้อ ถือว่าเป็นกีฬาหลักของภูมิภาคอาเซียนและยังเป็นกีฬาหลักของไทย การที่ไม่มีแข่งในศึกอาเซียนสคูลเกมส์ อาจจะทำให้นักกีฬาเราขาดโอกาสในการลงแข่งในนามทีมนักเรียนไทย ทางกรมพลศึกษาเองได้เล็งเห็นความสำคัญนี้ หากปีไหนไม่มีการบรรจุกีฬาเซปักตะกร้อ ก็อาจจะมีการพูดคุยกับประเทศที่มีทีมตะกร้อแล้วจัดแมตช์พิเศษขึ้นมา ซึ่งเป็นเรื่องในอนาคตและงบประมาณที่จะต้องใช้ แต่โชคดีที่ในปีนี้ทางประเทศบรูไนเป็นเจ้าภาพ และได้บรรจุกีฬาเซปักตะกร้อเป็น 1 ใน 8 กีฬาที่จะแข่งขัน
สำหรับการแข่งขันอาเซียนสกูลเกมส์ 2025 ประเทศบรูไนเป็นเจ้าภาพ กำหนดจัดในช่วงเดือนพฤศจิกายน มี 8 ชนิดกีฬาดังนี้ กรีฑา, ว่ายน้ำ, แบดมินตัน, บาสเกตบอล, เซปักตะกร้อ, วูซู, ปันจักสีลัต และ เนตบอล