"บัว" จิณห์นิภา เสวตรบุตร ปิงปองสาวทีมชาติไทยของ จ.ระนอง ผงาดแชมป์หญิงเดี่ยวกีฬาแห่งชาติเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม สรุปปิงปองกรุงเทพฯ กวาด 6 จาก 7 เหรียญทองที่เปิดชิงชัย พลาดเพียง 1 เพราะฝีมือ "บัว" จิณห์นิภา หญิงเดี่ยวจากระนอง
การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 49 "จันท์เกมส์" ซึ่งกำหนดแข่งขันระหว่างวันที่ 9-20 ธ.ค.67 ที่ จ.จันทบุรี โดยเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำการชิงชัยกันทั้งสิ้น 47 เหรียญทอง ยังเป็นทัพนักกีฬาจากกรุงเทพมหานครที่แสดงผลงานกันสุดอลัง หลังล่าสุดคว้าเหรียญทองทะลุร้อยเหรียญไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งที่มหกรรมยังเหลือการชิงชัยอีกถึง 3 วันด้วยกัน
เทเบิลเทนนิส ชิง 3 ทอง ที่โรงเรียนสฤษดิเดช ไฮไลต์อยู่ในประเภทหญิงเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศเป็นการดวลกันระหว่าง "ตอง" นันท์นภัส โกละ ลูกเด้งสาวของกรุงเทพมหานคร อดีตเยาวชนทีมชาติไทยที่คว้ามาได้ 2 เหรียญทองใน "จันท์เกมส์" นี้จากประเภททีมหญิงและหญิงคู่ พบ "บัว" จิณห์นิภา เสวตรบุตร นักปิงปองสาวดาวดังทีมชาติไทยจากจังหวัดระนอง ที่ล่าสุดระเบิดฟอร์มกระหึ่มโค่น อรวรรณ พาระนัง มือ 1 และ สุธาสินี เสวตรบุตร พี่สาวมือ 2 ของประเทศและคว้าแชมป์หญิงเดี่ยวประเทศไทยมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ นัดนี้หาก นันท์นภัส สามารถปราบ จิณห์นิภา ลงได้ กรุงเทพมหานครจะกวาดเหรียญทองครบทุกอีเวนต์ 7 ทองในกีฬาแห่งชาติครั้งนี้ ทว่า "สาวบัว" ที่มางานนี้ในฐานะมือวางอันดับ 1 บวกกับฟอร์มที่กำลังพีคช่วงนี้ชนะ 2 คนที่เก่งสุดในประเทศแล้วคว้าแชมป์ทำให้ "บัว" จิณห์นิภา ที่พ่ายไปก่อนในเกมแรกกลับมารักษามาตรฐาน ตบเอาชนะ ตอง นันท์นภัส ไป 4-1 เกม (5-11, 11-9, 11-8, 11-8, 11-7) คว้าเหรียญทองประเภทหญิงเดี่ยวกีฬาแห่งชาติไปครองสำเร็จ หลังจากปีที่แล้วพลาดท่าในรอบชิงได้เพียงเหรียญเงิน
"บัว" จิณห์นิภา เสวตรบุตร นักเทเบิลเทนนิสสาวทีมชาติไทยเผยความรู้สึกหลังคว้าเหรียญทองหญิงเดี่ยวกีฬาแห่งชาติมาครองได้สำเร็จว่า ดีใจที่ทำได้เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้แชมป์หญิงเดี่ยวในกีฬาแห่งชาติเพราะปีที่แล้วไปแพ้ในรอบชิงให้กับรุ่นน้อง "ไอซ์" ภัตศราภรณ์ วงละคร ที่น้องตีได้ดีมากๆ ซึ่งตอนนี้คนมองว่าตนผลงานกำลังดี เพราะว่าตนฝึกซ้อมหนักและมีความคิดเกิดขึ้นมาว่า "ถ้าเราไม่เหนื่อยตอนนี้ ในอนาคตเราก็ต้องเหนื่อยเพราะความไม่สำเร็จอยู่ดี" จึงยอมสู้ให้เหนื่อยดีกว่าเพื่อความสำเร็จ
"ส่วนเรื่องของเทคนิคก็ยังคงเล่นลูกต่อลูกและคิดถึงกระบวนการเล่นในแต่ละลูกว่าคู่แข่งจะตียังไงค่ะ ส่วนที่คนถามว่าเราเริ่มชนะพี่ทิพย์ อรวรรณ กับ พี่หญิง สุธาสินี แล้วจะขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 แทนก็มีความกดดันนิดนึง เพราะว่าไม่เคยขึ้นมาอยู่สูงกว่าพี่สาว ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด ส่วนรายการสำคัญในปีหน้าก็มีซีเกมส์ซึ่งก็หวังเหรียญทองซีเกมส์อยู่ ส่วนจุดมุ่งหมายสูงสุดในชีวิตก็แน่นอนว่าเหรียญโอลิมปิกเกมส์ เพราะยังไม่ได้ เมื่อปารีสเกมส์ล่าสุดก็ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ"
ด้านเทเบิลเทนนิสประเภทชายเดี่ยว รอบชิงเป็นการปะทะกันเองของมือ 1 และ มือ 2 ของกรุงเทพฯ ทีมชายหนนี้ "มิคซ์" ภูริพงษ์ แซ่ลี้ ดาวรุ่งที่เพิ่งขึ้นมาติดทีมชาติไทยในปีนี้ พบกับรุ่นพี่ทีมชาติ "เป็ด" ศรายุทธ ตันเจริญ ดีกรีเหรียญทองทีมชายซีเกมส์และแชมป์ประเทศไทย ซึ่งเกมนี้เสมือนศึกระหว่างลูกศิษย์กับอาจารย์ เพราะ ศรายุทธ นั้นเป็นผู้สอนเทคนิคการตีปิงปองให้กับ ภูริพงษ์ ตั้งแต่วัย 13 ขวบ จนตอนนี้ ภูริพงษ์ ก้าวขึ้นมาติดทีมชาติไทยในวัย 23 แล้ว
ผลการดวลกันเป็นทางด้าน เป็ด ศรายุทธ ที่ยังมีความเก๋าเกมแบบเขี้ยวลากดินอีกทั้งเจ้าตัวน่าจะพอรู้ว่าน้องชายคนนี้ต้องเอาชนะด้วยวิธีการใดเพราะสอนมากับมือกว่า 10 ปี สุดท้ายเป็น ศรายุทธ ตันเจริญ ที่ทำผลงานได้ดีกว่า ตบชนะ ภูริพงษ์ แซ่ลี้ รุ่นน้องร่วมค่ายกรุงเทพฯ 4-2 เกม (11-6, 7-11, 11-8, 11-9, 8-11, 11-8) คว้าเหรียญทองชายเดี่ยวกีฬาแห่งชาติเป็นสมัยที่ 2 ของตนเอง
ขณะที่ประเภทคู่ผสมรอบชิงชนะเลิศเป็นทางสองคู่จากกทม.ชิงกันเองและเป็นคู่ของ ปัณณทัต ตั้งบวรพิเชฐ กับ วิรัญชนา ศรีจักร ชนะ ศรายุทธ ตันเจริญ กับ นันท์นภัส โกละ 3-0 เกม (16-14, 11-8, 11-4) สรุป 7 เหรียญทองในศึกเทเบิลเทนนิสกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 49 กรุงเทพฯ คว้า 6 เหรียญทอง และ ระนอง คว้า 1 เหรียญทอง
"เป็ด" ศรายุทธ ตันเจริญ ตบหนุ่มวัย 31 กะรัต เผยหลังคว้าเหรียญทองชายเดี่ยวกีฬาแห่งชาติว่า นี่เป็นการคว้าเหรียญทองชายเดี่ยวกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 2 ในชีวิต หลังได้ครั้งแรกในกีฬาแห่งชาติที่จังหวัดสงขลา ความยากของทัวร์นาเมนต์นี้จะเริ่มตั้งแต่รอบ 16 คนเป็นต้นมาเพราะเริ่มมีแต่ผู้เล่นระดับแรงค์ต้นๆ ของประเทศมาแข่ง ส่วนหากถามว่าได้แชมป์กีฬาแห่งชาติถึง 2 ครั้งมองว่าหมดความท้าทายหรือมองว่าคู่แข่งฝีมือธรรมดาหรือไม่นั้น ก็ไม่ได้คิดแบบนั้นเพราะน้องๆ แต่ละคนไม่ได้ฝีมือไม่ดี พวกเขามีการพัฒนาขึ้นมาอยู่ตลอด แต่ดีที่ตัวเองไม่ได้หยุดตีหรือหยุดซ้อม ตนยังพยายามรักษามาตรฐานรักษาระดับในการแข่งขันทุกครั้ง ดังนั้นกีฬาแห่งชาติแต่ละครั้งมันยังยากอยู่เสมอ
ส่วนเมื่อถามประเด็นที่ว่ามองยังไงที่ผลงานทีมชาติไทยทีมชายยังไม่สามารถดีเท่าทีมหญิง เจ้าตัวก็ตอบว่าเรื่องนี้มีองค์ประกอบหลายอย่าง ในส่วนของนักกีฬาไทยเองหากมีการวางแผนการฝึกซ้อม วางเป้าหมาย หรือมีคนคอยจี้ข้ออบกพร่องให้กับนักกีฬาในขณะฝึกซ้อมตนว่านักกีฬาชายเราก็สู้อาเซียนได้ ไม่จำเป็นถึงขนาดต้องฝึกซ้อมฟูลไทม์ 3 เวลา โดยทิ้งการเรียน จริงๆ ถ้าทำได้แบบนั้นมันก็ดี แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนที่โตแล้วปุบปับจะเปลี่ยนกันได้ เพราะจะอันตรายเรื่องร่างกาย มันต้องมีการวางรากฐานมาตั้งแต่เด็ก เอาแบบพอดีๆ ทำแล้วมีความสุข เล่นแล้วมีความสุข ส่วนหากถามว่านักกีฬารุ่นใหม่คนใดที่เข้าตามีแววจะก้าวขึ้นมาช่วทีมชาติในอนาคตได้ตอนนี้ก็น่าจะเป็น "นอร์ตั้น" ฐิตภัทร ปรีชาญาณ ที่ตีดีและมีความใจสู้ไม่ว่าจะตีกับรุ่นโตกว่า และ "ค็อปเตอร์" นิมิตร สร้อยพวง ที่ตนเคยสอนมาก็มีโอกาส ต้องรอดูว่าพวกเขาทั้งคู่ที่ตอนนี้ยังอยู่รุ่น 15 ปี จะขึ้นรุ่นใหญ่มาในรูปแบบไหน
ขณะที่ เทนนิส ชิง 3 ทอง ที่สนามชมรมเทนนิสจังหวัดจันทบุรี ในประเภทหญิงคู่ รอบชิงชนะเลิศเป็นทางคู่กรุงเทพมหานคร "สบาย" กมรวรรณ ก้อนศิลา ที่เพิ่งไปคว้าแชมป์หญิงคู่ประเทศไทยมาสดๆ ร้อนๆ ดีกรีเหรียญทองแดงหญิงคู่กีฬาแห่งชาติปีที่แล้ว จับคู่กับ "ออม" วรรษชล สวัสดี อดีตรองแชมป์เทนนิสอาชีพที่เกาหลีใต้ พบกับคู่สุพรรณบุรี "อีฟ" พัชรินทร์ ชีพชาญเดช นักหวดสาวที่กวาดแชมป์มาแล้วมากมายทั้งไทยและต่างประเทศ จับคู่กับ "แอ๊ตต้า" พิมพ์มาดา ทองคำ ดาวรุ่งพุ่งแรงของวงการเทนนิสไทย
ผลการดวลกันเป็นทางคู่สาวสุพรรณที่ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ เล่นได้แทบไม่มีจุดอ่อน ก่อนที่ "อีฟ" พัชรินทร์ กับ "แอ๊ตต้า" พิมพ์มาดา จะช่วยกันหวดเอาชนะคู่กรุงเทพมหานคร 2-0 เซต 6-2 และ 6-4 คู่สาวสุพรรณพิชิตเหรียญทองหญิงคู่สำเร็จ ส่วนผลคู่ชิงชนะเลิศอีก 2 ประเภท ชายคู่ ธนกร ศรีรัตน์ กับ ปัญณ์ณวัชญ์ สุทธิสมบูรณ์ จากสุพรรณบุรี ชนะ ธีรภัทร ชันติวีรวัฒน์ กับ นพดล น้อยกอ จากกรุงเทพฯ 2-0 เซต 7-6 และ 6-4 ขณะที่ประเภทคู่ผสม นพดล น้อยกอ กับ วรรษชล สวัสดี จากกรุงเทพฯ ชนะ จุฬาลักษณ์ แซ่อึ้ง กับ พลกฤษฎิ์ แซ่อึ้ง จากมหาสารคาม 2-0 เซต 6-1 และ 7-5
ส่วนสนุกเกอร์ 6 แดง ชิง 1 ทอง ที่หอประชุมโรงเรียนเบญจมานุสรณ์ ประเภททีม รอบชิงชนะเลิศเป็นการโคจรมาดวลกันระหว่าง ทีมกาญจนบุรี ที่ส่ง "รมย์ สุรินทร์" ประพฤติ ชัยธนสกุล, "กร นครปฐม" ภาสกร สุวรรณวัฒน์, "จอมทองผาภูมิ" ณัฐภัทร ระพิทย์พันธ์ และ "ติม เอสวัน" ชัชพงศ์ นาสา ลงพบกับ ทีมเจ้าภาพจันทบุรี ที่ส่ง "อิศ จันท์" อิศรา กะไชยวงศ์, "นุ้ก จันท์" ยุทธภพ ภาคพจน์, "ท๊อป จันท์" พงศกร จงใจรัก และ "เปา จันท์" ชินภัทร์ คำสัตย์ ลงรับมือ
รูปเกมเป็นทางจอมคิวเจ้าบ้านโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจก่อน เอาชนะไปได้ถึง 3 คู่รวด ทว่าหลังจากนั้นทัพสนุ้กมากประสบการณ์จากเมืองกาญจน์ไม่ยอมแพ้ สามารถได้โอกาสกลับเข้ามาสู่เกมแล้วไล่แทงคืนจนสามารถพลิกสถานการณ์ปล้นชัยด้วยการกลับมาเอาชนะ 4 คู่รวด สี่สอยคิวกาญจนบุรีกระชากเหรียญทองสนุกเกอร์ 6 แดง ประเภททีมมาครองอย่างสุดยอดด้วยผลรวม 4-3 คู่
เทควันโด ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลจันทบุรี ไฮไลต์ในประเภทต่อสู้ รุ่น 49 กิโลกรัม หญิง คู่ชิงชนะเลิศเป็นการพบกันระหว่าง "ออม" ประภาวรินทร์ มโนธรรม เทควันโดสาวน้อยระดับเยาวชนที่ฟอร์มแรง ที่ขึ้นมาสู้สนุกกับรุ่นใหญ่จากชลบุรี ปะทะกับ "มิ้ลค์" วรัญญา สีพา จอมเตะยุวชนทีมชาติไทยจากจังหวัดหนองคาย ผลการต่อสู้เป็นทางเทควันโดสาวจากเมืองชลที่เดินหน้าไล่เตะหนักเข้าเป้า เฉือนเอาชนะคู่แข่งจากหนองคาย 2-1 ยก คว้าเหรียญทองไปครอบครอง
ด้านผลประเภทพุมเซ่ ทีมชาย เหรียญทอง กรุงเทพมหานคร ที่ประกอบด้วย พีรพัฒน์ ตระการวิจิตร, ศุภณัฐ เรืองดำ และ มนัสวิน เรืองดำ ทำคะแนนรวม 16.26 คะแนน ส่วนประเภทพุมเซ่ฟรีสไตล์ อิสระคู่ผสม เหรียญทอง ปภังกร ธีรสรไกร กับ เขมสิริ ขนาดนิล จากสมุทรปราการ ทำได้ 7.90 คะแนน
ด้าน นายพงษ์พัฒน์ วงศ์ตระกูล อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี และ ประธานที่ปรึกษาสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยถึงผลงานของทัพนักกีฬาจังหวัดจันทบุรีที่กีฬาแห่งชาติปีนี้ระเบิดฟอร์มทำผลงานได้ยอดเยี่ยมแบบน่าเซอร์ไพรส์ โดยขึ้นมารั้งอันดับ 2 บนตารางเหรียญว่า เหตุที่ผลงานดีสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน 1. กีฬาบางชนิด เมื่อก่อนตกรอบ แต่ครั้งนี้เข้าได้ถึงรอบลึกๆ ส่วนกีฬาบางชนิดเมื่อก่อนเคยเข้าได้ถึงรอบลึก แต่ตอนนี้ได้เหรียญทอง และ 2. กีฬาที่เราได้เหรียญรางวัลเยอะนั้นจะมี วูซู ที่ทำได้ถึง 14 เหรียญทอง เป็นเพราะจังหวัดเราเก่งในกีฬาชนิดนี้ มีนักกีฬาวูซูทีมชาติเยอะ รองมาเป็นกีฬาเพาะกายที่ได้มาถึง 8 เหรียญทอง เพราะเรามีนักเพาะกายระดับแชมป์โลก คอยเทรนด์ให้นักกีฬาชุดปัจจุบันอยู่
"มหกรรมเหลืออีก 2 วันแต่เราได้มาถึง 46 เหรียญทอง จากปกติกีฬาแห่งชาติจันทบุรีจะได้เหรียญทองอยู่ประมาณ 15-16 เหรียญ ที่เป็นเช่นนี้ได้ก็น่าจะเพราะกำลังใจ เราได้มีนโยบายกระจายสนามแข่งขันออกไปทุกอำเภอ ทำให้สนามแต่ละสนามจะมีพ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวจันท์มาร่วมเชียร์เยอะ นักกีฬาจึงมีกำลังใจมากกว่ากีฬาแห่งชาติทุกครั้งที่ผ่านมา และที่น่าภาคภูมิใจที่สุดก็คือนักกีฬาของเราทั้งหมดล้วนเป็นคนจันทบุรีแต่กำเนิดทั้งหมด เพราะจันทบุรีมีนโยบายมานาน 10 กว่าปีแล้วว่าเราจะไม่มีการดึงตัวนักกีฬาจังหวัดอื่นมาเล่นให้ เป็นคนจันท์ล้วนทั้งหมด" นายพงษ์พัฒน์ ทิ้งท้าย
สรุปอันดับเหรียญรางวัลกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 49 "จันท์เกมส์" ที่จ.จันทบุรี ประจำวันที่ 18 ธ.ค.67 ณ เวลา 18.00 น.โดยนับเฉพาะ 5 อันดับแรก อันดับ 1 กรุงเทพมหานคร โกยไม่หยุดฉุดไม่อยู่ คว้าไปแล้วที่ 123 เหรียญทอง 115 เหรียญเงิน 117 เหรียญทองแดง ส่วนอันดับ 2 และ 3 ที่กำลังขับเคี่ยวกันมา โดยอันดับ 2 เป็นเจ้าภาพจันทบุรี คว้าได้ 46 เหรียญทอง 26 เหรียญเงิน 33 เหรียญทองแดง, อันดับ 3 ชลบุรี 45 เหรียญทอง 43 เหรียญเงิน 57 เหรียญทองแดง, อันดับ 4 นครศรีธรรมราช 28 ทอง 24 เงิน 31 ทองแดง และ อันดับ 5 เชียงใหม่ 24 ทอง 34 เงิน 46 ทองแดง