เจ็ตสกี จุกรับหนี้ก้อนโตกว่า 14 ล้านบ. จากการทำแผนงานข้ามปี หลัง กกท. แจ้งตัดงบก่อนงานปีที่แล้วแค่ 21 วัน ด้าน ปริเขต สืบสหการขอร้อง รมว.สรวงศ์ เทียนทอง ช่วยแก้ปัญหา
นายปริเขต สืบสหการ ผู้อำนวยการทัวร์นาเม้นท์เจ็ตสกีโลก WGP#1 เปิดเผยว่า "ทัวร์นาเม้นท์ WGP#1 เวิลด์คัพ 2024 ที่จัดขึ้น ณ เมืองพัทยา จบลงอย่างสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา และบรรลุเป้าหมายสำคัญ โดยนักกีฬานานาชาติและนักกีฬาชั้นนำทั่วโลก ได้ให้ความเชื่อถือและยอมรับว่า ขณะนี้ ทัวร์นาเม้นท์กีฬาเจ็ตสกี ที่มีคุณภาพอันดับที่ 1 ของโลก ได้เปลี่ยนจากที่เมืองเลคฮาวาซู สหรัฐอเมริกา มาเป็น ที่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว
ส่วนรายได้ทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว มีมูลค่าเกิน 490 ล้านบาท โดยส่วนที่มีความสำคัญที่สุดคือการนำเข้าทีมนักกีฬานานาชาติกว่า 3,000 คน เนื่องจากเป็นกลุ่มเป้าหมายการใช้จ่ายสูง มีการขนส่งเรือแข่ง ค่าชิ้ปปิ้งฝั่งเข้าและออกเมืองไทย การขนส่งอุปกรณ์ต่างๆ และการมาอยู่เกิน 2 อาทิตย์ ทั้งนี้ เกินกว่า 30% ยังเดินทางไปท่องเที่ยวต่อหลังทัวร์นาเม้นท์ฯ อีก 5-7 วัน มีค่าใช้จ่ายต่อหัว 150,000 บาท รวม 450 ล้านบาท โดยขอเน้นว่า ความพิเศษคือการ นำเข้าเงินตราจากชาวต่างประเทศ เพื่อมาใช้จ่ายในเมืองไทย ส่วนนี้เป็นประโยชน์มาก
ด้านแผนงานการต่อยอดจากศูนย์กลางกีฬาโลก ริเริ่มเป็นศูนย์กลางเวทีการค้ากีฬาเจ็ตสกีโลก ก็ประสบความสำเร็จอย่างดี มียอดสนับสนุนการขายแก่บริษัทต่างๆ กว่า 38 ล้านบาท รวมถึง มร.อิโรชิ อีโตะ ประธาน บริษัท คาวาซากิมอเตอร์ จำกัด ก็เดินทางมางานนี้ด้วยตัวเอง ขณะที่ผู้ซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขัน 2,192 คน จาก 59 ชาติ แบ่งเป็นคนไทย 27% และชาวต่างชาติ 73% ส่วนผู้ชมนานาชาติ 10 อันดับที่เข้าชมสูงสุด ได้แก่ 1.รัสเซีย, 2.สหรัฐอเมริกา, 3.อังกฤษ, 4.เยอรมัน, 5.แคนนาดา, 6.ฟินแลนด์, 7.ออสเตรียม, 8.เดนมาร์ค, 9.สวีเดน และ 10.สวิสเซอร์แลนด์
นายปริเขต กล่าวต่อว่า "ส่วนปัญหาที่ถูกเร่งรัดหนี้สิน 14 ล้านบาท จากยูโรสปอร์ตเป็นเรื่องจริง ปัญหานี้ได้สะท้อนระบบงานของการกีฬาแห่งประเทศไทยเป็นอย่างดี เมื่อตอนแถลงข่าว ท่านผู้ว่าการ การกีฬาฯ ดร.ก้องศักด ยอดมณี บอกว่า มีเป้าหมายระดับโลก อยากทำให้สำเร็จ เพื่อเป็นชนิดกีฬาแรก เป็นต้นแบบของกีฬาที่ไม่ได้มีต้นกำเนิดในเมืองไทย และคนไทย สามารถเป็นผู้นำโลก เป็นซอฟต์พาเวอร์ ทาง WGP#1 ส่งผลให้ต้องทำงานล่วงหน้าเป็นปี สุดท้าย ท่านผู้ว่าฯ มาแจ้งก่อนงานปีที่แล้วแค่ 21 วัน ว่า งบประชาสัมพันธ์ทั้งหมดถูกตัด และไม่มีคำตอบใดๆ ในการช่วยแก้ปัญหาอีกเลย
"ก่อนหน้านี้มีโอกาสเข้าหารือกับ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาท่านใหม่ ทราบว่าท่านจะแก้ไขระบบงานการกีฬาให้มีศักยภาพขึ้นหลายจุด นับเป็นประโยชน์ต่อวงการกีฬาไทยมาก ส่วนตัวมองว่า การกีฬาฯ เป็นหลัก ของงานกีฬาชาติ ถ้ายังไม่เปลี่ยนแนวคิดแบบ "ชอบซื้อ ไม่ชอบสร้าง", "ชอบงานใหญ่ ด้อยค่ากีฬาเล็ก" และหันมาวิเคราะห์โครงการที่มีประโยชน์ชาติจริงจัง มีตัวชี้วัดแต่ไม่ได้ใช้ ต่อไปใครก็ไม่อยากทำเพื่อชาติอีก แบบที่ภายในองค์กร กกท. รู้กันและพูดว่า "ทำดี หนี้ท่วม" ต่อให้ทำงานแย่ๆก็มีค่าเท่ากัน ถ้าเป็นแบบนี้เชื่อว่าต่อไปเพื่อนบ้านคงแซงวงการกีฬาไทยแน่นอน โดยเฉพาะไม่มีแผนส่งเสริมกีฬาด้านทรัพย์สินทางปัญญาจริงจังเลย"