กีฬาเจ็ตสกีได้ข้อสรุป จัดชิงทอง 6 รุ่น ในการแข่งขันซีเกมส์ ครั้ง 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในปี 2025 ระหว่างวันที่ 10-14 ธันวาคม 2568 ที่ชายหาดจอมเทียน เมืองพัทยา
ประเทศไทยเป็นโต้โผ จัดประชุมสามัญครั้งที่ 3 เชิญชาติพันธมิตรเข้าร่วม มิสเตอร์เซฟูล ซูตัน อัซวาร์ ชาวอินโดนีเซียเป็นประธานสมาคมสหพันธ์เจ็ตสกีเอเชีย (Fully Aswar, President of Asian Association of Waterjet Federation) เป็นประธานในการประชุม พร้อมด้วยชาติพันธมิตรเข้าร่วม 12 ประเทศ โดยจุดประสงค์หลักของการประชุมคือ เตรียมความพร้อมของกีฬาเจ็ตสกีในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ 2025 ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เพื่อยกระดับวงการเจ็ตสกีของเอเชียให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และเพื่อรักษาความต่อเนื่องของกีฬาชนิดนี้ในการแข่งขัน ซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ และเอเชียน บีช เกมส์
สมาคมเจ็ตสกีแห่งเอเชีย (Asian Association of Waterjet Federation) จัดประชุมสามัญ ครั้งที่ 3 นำโดย บิ๊กเปี๊ยก” พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา นายกสมาคมกีฬาเจ็ตสกีแห่งประเทศไทยฯ ได้จัดการประชุมประเทศในกลุ่มสมาชิกอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงค์โปร์ บรูไน ฟิลิปปินส์ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไทย กัมพูชา เวียดนาม และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในประเด็นที่กีฬาเจ็ตสกีให้เป็นหนึ่งชนิดกีฬาในหมวดหมู่ "กีฬาเอ็กซ์ตรีม" ในการแข่งขันซีเกมส์ ครั้ง 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในปี 2025 โดยจะจัดการแข่งขัน ระหว่างวันที่ 10-14 ธันวาคม 2568 ที่ชายหาดจอมเทียน เมืองพัทยา มีการชิงเหรียญทองทั้งหมด 6 รุ่นการแข่งขัน คือรุ่น ENDURANCE OPEN, RUNABOUT STOCK, RUNABOUT 1100 STOCK, SKI GP, SKI 1500 STOCK และ RUNABOUT LIMITED ซึ่งในแต่ละรุ่นของการแข่งขัน จะต้องมีประเทศเข้าร่วมการแข่งขันอย่างน้อย 5 ประเทศ และแต่ละประเทศสามารถส่งนักกีฬาเจ็ตสกีเข้าร่วมการแข่งขันได้ 2 คน ต่อรุ่นการแข่งขัน
ด้านมิสเตอร์เซฟูล ซูตัน อัซวาร์ (Fully Aswar) ประธานสมาคมสหพันธ์เจ็ตสกีเอเชีย ชาวอินโดนีเซีย กล่าวว่าตนต้องการยกระดับวงการเจ็ตสกีของเอเชียให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยพร้อมจะผลักดันกีฬาเจ็ตสกีเข้าแข่งขันในกีฬาเอเชียนเกมส์ เอเชียนบีช และซีเกมส์ ครั้งที่ 34 และ 35 ที่ประเทศมาเลเซียและสิงค์โปร์จะเป็นเจ้าภาพต่อไปเพื่อสร้างความต่อเนื่อง ยั่งยืนและคงทน พร้อมกำชับหากประเทศสมาชิกทุกประเทศ ทุกฝ่ายร่วมมือกันทำงานอย่างจริงจัง กีฬาชนิดนี้จะต้องยิ่งใหญ่ขึ้นในภูมิภาคเอเชียแน่นอน