ปิดฉากสวยงาม! เทคบอลไทยกระหึ่ม ผงาดแชมป์โลก 4 ประเภท

การแข่งขันเทคบอลชิงแชมป์โลก 2024 ที่ นครโฮจิมินห์ซิตี้ ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 4-8 ธ.ค. 2567 โดยเมื่อช่วงค่ำวันที่ 8 ธ.ค.67 เป็นการแข่งขันวันสุดท้าย  ไฮไลท์ประจำวัน คือการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศประเภทคู่ทั้ง 3 อีเวนต์ ประกอบด้วย คู่หญิง, คู่ชาย และคู่ผสม โดยทัพนักเตะโต๊ะโค้งไทย ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ทั้งหมด

เริ่มจากประเภทคู่หญิง "หยก" จุฑาทิพย์ กันทะธง ที่เพิ่งได้แชมป์โลกในประเภทเดี่ยวหญิงไปหมาดๆ จับคู่กับ "นิด" สุภาวดี วงศ์คำจันทร์ ดีกรีแชมป์โลกเมื่อปีที่แล้ว และรั้งอันดับ 3 ของโลก ผ่านเข้ามาชิงกับ เปตร้า เพชี่ กับ คริสติน่า เอซ จากฮังการี ผลปรากฏว่า คู่สาวไทยเล่นได้อย่างเข้าขารู้ใจกันมากกว่า ก่อนจะเอาชนะไปได้ 2-0 เซต 12-9 คะแนนทั้งสองเซต คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ นับเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 2 ติดต่อกันของทั้ง จุฑาทิพย์ และ สุภาวดี อีกทั้งยังทำให้ จุฑาทิพย์ คว้าแชมป์โลกในครั้งนี้ไปถึง 2 ประเภท ได้แก่เดี่ยวหญิงและคู่หญิง

ประเภทคู่ชาย "สอ" สรศักดิ์ เทาศิริ กับ "ตุ้ม" จีรติ จันทร์เลียง ผ่านเข้ารอบชิงในศึกชิงแชมป์โลกเป็นครั้งแรก โคจรมาพบกับ อาเดรียน ดุสแซก กับ มาเร็ก ปอกวาบ จากโปแลนด์ ตลอดการแข่งขัน ทั้งสองทีมสู้กันได้อย่างสนุก โดยคู่หนุ่มไทยชนะไปก่อนในเซตแรก 12-10 คะแนน ก่อนที่โปแลนด์ จะชนะคืนในเซตที่ 2 ด้วยสกอร์ 12-9 คะแนน จึงตัดสินกันในเซตที่ 3 ก่อนที่คู่ของ สรศักดิ์ กับ จีรติ จะเอาชนะไปในเซตนี้ 12-9 คะแนน พร้อมกับเอาชนะไปในที่สุด 2-1 เซต (12-10, 9-12 และ 12-9) คว้าแชมป์โลกไปครองเป็นสมัยแรก

ปิดท้ายที่ประเภทคู่ผสม คู่ของไทยที่ประกอบด้วย "ต้น ราชนาวี" พักตร์พงษ์ เดชเจริญ กับ "นิด" สุภาวดี วงศ์คำจันทร์ คู่อันดับ 4 ของโลก ที่เป็นแชมป์เก่าเมื่อปีที่แล้ว พบกับ บาลาซ คัตซ์ กับ คริสติน่า เอซ จากฮังการี ปรากฏว่า คู่ของไทย เป็นฝ่ายเฉือนชนะไปได้ 2-1 เซต (10-12, 12-4 และ 12-10) ป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ และส่งผลให้ สุภาวดี คว้าแชมป์โลกหนนี้เป็นประเภทที่ 2 ต่อจากคู่หญิง ที่ได้ร่วมกับ จุฑาทิพย์ กันทะธง

พร้อมกับทำให้ศึกเทคบอลชิงแชมป์โลก 2024 ทัพนักเตะโต๊ะโค้งไทย ทำผลงานได้ 4 เหรียญทองกับอีก 1 เหรียญทองแดง โดย 4 เหรียญทอง ได้จากประเภทเดี่ยวหญิง (จุฑาทิพย์ กันทะธง), คู่หญิง (จุฑาทิพย์ กันทะธง กับ สุภาวดี วงศ์คำจันทร์), คู่ชาย(สรศักดิ์ เทาศิริ กับ จีรติ จันทร์เลียง) และ คู่ผสม (พักตร์พงษ์ เดชเจริญ กับ สุภาวดี วงศ์คำจันทร์) ส่วน 1 เหรียญทองแดงได้จากประเภทเดี่ยวชาย (บุญคุ้ม ทิพย์วงศ์)