ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เชื่อมั่นความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์จากการทำงานในวงการกีฬาที่โชกโชนของนายทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผู้จัดการกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติคนใหม่ จะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญช่วยพัฒนากีฬาไทยไปได้ไกล ชี้ระบบการเบิกจ่ายเงินแบบใหม่ที่กกท.และกองทุนฯกำลังจะนำมาใช้ในเร็วๆนี้ จะพลิกโฉมวงการกีฬา โดยการเบิกจ่ายจะคล่องตัวขึ้น ซึ่งก็ช่วยให้นักกีฬาและสมาคมกีฬาต่างๆได้รับงบประมาณสนับสนุนเร็วขึ้น
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ออกมาเปิดเผยถึงการที่กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ได้นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม อดีตรองผู้ว่าการกกท. มารับตำแหน่งเป็นผู้จัดการกองทุนฯคนใหม่ โดยเดิมทีนั้น กกท.และกองทุนฯมีการประสานและทำงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่องเพื่อขับเคลื่อนวงการกีฬาไทย ซึ่งล่าสุดกองทุนฯได้แถลงนโยบายในการทำงานหลังจากนี้ด้วย ส่วนกรอบนโยบายของท่าน สรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ได้มุ่งเน้นและกำชับมาว่า กองทุนฯจะต้องเป็นที่พึ่งของนักกีฬา ซึ่งจะต้องดูแลนักกีฬา ทั้งเรื่องการเบิกจ่ายเงินรางวัลให้รวดเร็ว และคล่องตัว รวมไปถึงดูแลในด้านสวัสดิการ การสนับสนุนและเตรียมความพร้อมของนักกีฬา ซึ่งท่านก็จะไม่เน้นในการไปสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ซึ่งเรื่องนั้นเป็นภารกิจหน้าที่ของการกีฬาแห่งประเทศไทย
"ปี 2025 กองทุนฯก็จะมีภารกิจสำคัญ ก็คือเรื่องของการเตรียมซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ ซึ่งก็ถือเป็นบันไดในการต่อยอดของนักกีฬาหลายๆคนขึ้นไปสู่เวทีระดับทวีป ระดับโลก และโอลิมปิกเกมส์ ซึ่งท่านผู้จัดการกองทุนฯ ก็มีความมุ่งมั่นที่จะมาเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่าง จริงๆแล้วกองทุนฯในช่วงระหว่างปี 2563-2567 ก็มีการดำเนินการพัฒนาในหลายๆเรื่อง ซึ่งหลังจากนี้ทางกกท. และ กองทุนฯ ก็มีแผนร่วมกันที่จะทำระบบเบิกจ่ายระบบใหม่ ซึ่งก็จะเปลี่ยนโฉมหน้าการเบิกจ่ายเงินของกองทุนฯไปเลยด้วย"
ผู้ว่าการกกท. เผยอีกว่า ระบบใหม่จะมีผลให้สมาคมกีฬาต่างๆได้รับเงินอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ตามแผนงานที่มีการนำเสนอมา อย่างไรก็ตามก็จะต้องมีการทำความเข้าใจ เรื่องระเบียบข้อบังคับและภาระต่างๆในเรื่องของการตรวจสอบต่างๆ ทางสมาคมก็จะมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงระบบต่างๆ ก็จะต้องมีการหารือกัน เพื่อทำความเข้าใจ ระบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากความคิดของกกท. หรือ กองทุนฯ เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการหารือกันร่วมกันทุกฝ่าย ทั้งกองทุนฯ กกท. และสมาคมกีฬาที่เกี่ยวข้อง ฉะนั้นระบบนี้ก็จะมีความคล้ายๆกับกองทุนหลายๆกองทุน ที่มีการอนุมัติโครงการ แล้วก็มีการโยกงบประมาณไปสู่สมาคมต่างๆ เพราะฉะนั้นสมาคมก็ต้องเข้ารับการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบจากกกท., กองทุนฯ หรือแม้แต่ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งเร็วๆนี้ก็จะมีการประกาศให้รับทราบต่อไป
"เรื่องของประสบการณ์ถือว่าสำคัญครับ ซึ่งท่านก็น่าจะเห็นปัญหาในช่วงปี 2567 ปีนี้ก็ต้องยอมรับว่าการจัดสรรงบประมาณถือว่าล่าช้า ซึ่งก็ถือว่าเป็นปัญหาอยู่ ดังนั้นซึ่งที่จะต้องเพื่อแก้ไขปัญหาก็คือ เมื่อมีการอนุมัติกรอบงบประมาณในปี 2568 คุณทนุเกียรติ ก็ได้ปรึกษากับผมแล้วว่า เราต้องเตรียมทำเอ็มโอยู หรือสัญญาให้พร้อม เพื่อเร่งดำเนินการเบิกจ่ายให้รวดเร็วที่สุด ซึ่งนี่คือสิ่งที่คุณทนุเกียรติ ได้คุยกับผมและอยากจะแก้ปัญหาตรงจุดนี้ให้ได้ ซึ่งผมก็เห็นความตั้งใจของท่านทนุเกียรติ แล้วก็เชื่อมั่นว่า ด้วยประสบการณ์ในการทำงานวงการกีฬา ท่านสามารถที่จะจัดการได้ และเข้าใจถึงปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น"
"ในอนาคตหลังจากนี้เราจะไม่รอให้เกิดความล่าช้าในเรื่องของการเบิกจ่ายงบประมาณเหมือนในปีที่ผ่านๆมาแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ซึ่งก็เป็นนิมิตหมายที่ดีมาก ที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา สรวงศ์ เทียนทอง ได้ปรึกษาหารือกับท่านรองนายกรัฐมนตรี สุริยะ จึงเรืองกิจ ซึ่งก็เป็นประธานบอร์ดกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติด้วย ซึ่งท่านก็ได้รับปากว่า ต่อจากนี้จะมีการประชุมทุกเดือน ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมาก เพราะจะทำให้เราสามารถวางแผนงบประมาณในปี 2569 ได้รวดเร็ว ตอนนี้เราเริ่มทำงานปี 2569 แล้ว ฉะนั้นในปีหน้า ปี 2568 จะไม่มีประเด็นปัญหาเรื่องเงินค้างจ่ายแบบนี้" ดร.ก้อง กล่าวทิ้งท้าย