สุธาสินี-อรวรรณ สู้สุดใจ พ่ายคู่มือ 7 โลก ร่วงรอบ 8 ศึกเอเชีย

สุธาสินี-อรวรรณ สู้สุดใจ พ่ายคู่มือ 7 โลก ร่วงรอบ 8 ศึกเอเชีย
"ทิพย์" อรวรรณ พาระนัง และ "หญิง" สุธาสินี เสวตรบุตร มาไกลสุดที่รอบ 8​ ประเภทหญิงคู่ หลังพ่าย ซาสึกิ โอโดะ กับ ซากุระ โยโคอิ คู่มือ 7 ของโลก จากญี่ปุ่น ไป 2-3 เกม

การแข่งขันเทเบิลเทนนิสชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 27 ไอทีทีเอฟ-เอเชียน เทเบิลเทนนิส แชมเปี้ยนชิพส์ 2024 แข่งขันระหว่างวันที่ 6-13 ต.ค.67 ที่กรุงแอสตานา ประเทศคาซัคสถาน โดยรายการนี้มีนักกีฬา 213 คนจาก 24 ประเทศเข้าร่วมชิงชัย โดยสมาคมกีฬาเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทยส่ง 10 มือตบทีมชาติไทย ชาย-หญิง เข้าร่วม 

เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา นักกีฬาไทยมีโปรแกรมแข่งขันในประเภทชายเดี่ยว, หญิงเดี่ยว, หญิงคู่ และ คู่ผสม ไฮไลต์อยู่ในประเภทหญิงคู่ที่ไทยมี อรวรรณ พาระนัง กับ สุธาสินี เสวตรบุตร คู่มืออันดับ 1 ของไทยและเป็นคู่มืออันดับ 13 ของโลก สามารถทำผลงานเข้าถึงรอบ 16 คู่สุดท้ายพบ มานิก้า บาทรา กับ ดิยา พารัก ชิตาเล สองสาวจากอินเดีย ที่ยังไม่มีอันดับคะแนนคู่กันในแรงค์โลก และเป็นคู่มือตบสาวไทยที่เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 3-2 เกม (11-3, 9-11, 11-8, 9-11, 11-7) ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ

รอบก่อนรองชนะเลิศหรือ 8 คู่สุดท้าย อรวรรณ กับ สุธาสินี ต้องมาดวลกับ ซาสึกิ โอโดะ กับ ซากุระ โยโคอิ คู่มือ 7 ของโลกจากญี่ปุ่น ก่อนจะเป็นสองสาวจากแดนปลาดิบที่เฉือนคู่นักกีฬาไทยไปอย่างเฉียดฉิว 3-2 เกม (7-11, 12-10, 9-11, 11-8, 11-5) อรวรรณ กับ สุธาสินี มาได้ไกลที่สุดเพียงรอบก่อนรองฯ นี้ แต่ก็เป็นผลงานที่ดีที่สุดในประเภทคู่ของทัพลูกเด้งไทยทั้งหมด

ด้านผลประเภทอื่นๆ  ประเภทหญิงคู่ จิณห์นิภา เสวตรบุตร กับ วรรณวิสาข์ เอื้อวิริยะโยธิน คู่มือ 57 ของโลก ตกรอบ 16 คู่สุดท้ายจึงหล่นไปแข่งรอบชิงอันดับ 9-16 และพ่ายให้แก่คู่ของ เซียน-ซู่ เฉิง กับ ยู-จุน อี สองสาวจากไต้หวันที่ยังไม่มีอันดับคะแนนโลกคู่กัน 1-3 เกม (8-11, 3-11, 11-9, 9-11) จิณห์นิภา กับ วรรณวิสาข์ ต้องไปแข่งรอบชิงอันดับ 13-16 ต่อไป

ประเภทคู่ผสม ณภัทร ธรรมมาธิคม กับ สุธาสินี เสวตรบุตร ตกรอบ 16 คู่สุดท้าย ต้องหล่นไปแข่งรอบจัดอันดับก่อนสุดท้าย จะแพ้รวด 3 นัด คว้าอันดับ 16 ของเอเชียไปครอง ส่วนอีกคู่ ภาคภูมิ สงวนสิน กับ อรวรรณ พาระนัง ตกรอบ 32 คู่ แพ้ มาฮารุ โยชิมูระ กับ ซาสึกิ โอโดะ จากญี่ปุ่น 1-3 เกม (11-7, 4-11, 8-11, 9-11)


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport