ครั้งแรกยากเสมอ บทเรียนจากโอลิมปิก ของ "ศศิกานต์ ทองจันทร์"

ครั้งแรกยากเสมอ บทเรียนจากโอลิมปิก ของ "ศศิกานต์ ทองจันทร์"
โอลิมปิกเกมส์ 2024 หรือ "ปารีส 2024" โอลิมปิกเกมส์ครั้งแรกของ "ใบเตย" ศศิกานต์ ทองจันทร์ จอมเตะสาวดาวรุ่งมีทั้งเรื่องน่าภูมิใจ เรื่องน่าเสียดาย และเรื่องน่าผิดหวังเกิดขึ้นกับเจ้าตัว

ศศิกานต์ ทองจันทร์ ซึ่งคว้าตั๋วลุยโอลิมปิกเกมส์ได้เป็นครั้งแรกในชีวิต ต้องเจอกับงานที่ยากและท้าทายไม่น้อย เพราะนอกจากจะต้องลงแข่งขันบนเวทีใหญ่ระดับโลกเป็นครั้งแรกแล้ว เจ้าตัวยังต้องขยับรุ่นจาก 62 กก.หญิง มาแข่งขันในรุ่น 67 กก.หญิง ด้วย เนื่องจากในโอลิมปิกเกมส์ไม่มีพิกัดรุ่น 62 กก.

ความยากในการลุย "ปารีส 2024" จึงยิ่งทวีคูณมากขึ้น เพราะนอกจาก "ใบเตย" จะไม่เคยมีประสบการณ์บนเวทีนี้มาก่อนแล้ว ยังต้องแบกน้ำหนักขึ้นไปเจอกับคู่ต่อสู้ในรุ่นที่ใหญ่กว่า ซึ่งก็ทำให้เจ้าตัวต้องเจอกับนักกีฬาที่รูปร่างใหญ่กว่า และมีความแข็งแรงมากกว่าด้วย

ชัยชนะเหนือ  แคโรไลน์ ซานโต๊ส จอมเตะสาวจากบราซิลแบบสุดระทึก 2-0 ยก ของรอบ 16 คนสุดท้าย ในชนิดที่ยกสอง "ใบเตย" มาแซงเอาชนะหวุดหวิดในช่วงวินาทีสุดท้ายของยกที่สอง สร้างรอยยิ้มและความมั่นใจให้กับ ศศิกานต์ ได้อย่างมากกับการลงสัมผัสสนามในศึกโอลิมปิกเกมส์เป็นครั้งแรก

น่าเสียดายที่ในการลงสนามรอบ 8 คนสุดท้าย มาเจอของแข็ง อย่าง อเล็กซานดร้า เปริซิค จอมเตะมือ 3 ของโลก จากเซอร์เบีย "ใบเตย" ต้านทานความแข็งแกร่งของสาวเซิร์บรายนี้ ซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่และแข็งแกร่งกว่าอย่างชัดเจนไม่ไหว พ่ายไป 0-2 ยก

อย่างไรก็ตาม จากการที่การสาวเซอร์เบีย ผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้ ก็ทำให้ "ใบเตย" มีโอกาสได้ลงแก้มือในการแข่งขันรอบแก้ตัว เพื่อลุ้นเหรียญทองแดงด้วย

ในรอบแก้ตัวรอบแรก "ใบเตย" โคจรมาพบกับ โอซาด้า โอบีร์โจโนว่า มือ 14 ของรายการ จากอุซเบกิสถาน แมตช์นี้ "ใบเตย" สู้อย่างสุดความสามารถ ก่อนจะพ่ายไป 1-2 ยก ทำให้ต้องยุติเส้นทางในศึกโอลิมปิกเกมส์ 2024 เอาไว้ที่รอบแก้ตัว พลาดเข้าไปชิงเหรียญทองแดงอย่างน่าเสียดาย

หลังจบเกม "ใบเตย" เข้าไปสวมกอดกับ "โค้ชเช" ชัชชัย เช หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย และก็อดไม่ได้ที่จะกลั้นน้ำตาแห่งความเสียใจเอาไว้ เนื่องจากผิดหวังผลงานของตัวเอง ที่ไม่สามารถเข้าไปได้ไกลกว่านี้

ครั้งแรกในการลงมือทำ หรือเริ่มต้นทำอะไรมักจะยากเสมอ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะยังไม่มีความชำนาญเชี่ยวชาญ รวมถึงยังขาดประสบการณ์และเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้กันเอง ซึ่ง "ใบเตย" ก็มีความรู้สึกแบบนี้เช่นกัน

"ใบเตย" ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังจบการแข่งขันในรอบแก้ตัวด้วยน้ำตาว่า ตนเองเสียดายที่ไม่สามารถเล่นได้ตามแผน ไม่สามารถเล่นได้อย่างที่คิดเอาไว้ ซึ่งก็ทำให้รู้สึกผิดหวังและเสียดายมากๆ เพราะมีโอาสที่จะเข้าไปลุ้นเหรียญรางวัลแล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเกิดอาการบาดเจ็บ ซึ่งก็เกิดขึ้นตอนเจอกับนักกีฬาเซอร์เบีย ในยกสอง ซึ่งก็เกิดขึ้นตอนที่เข้าไปกระแทกกัน พอหลังแข่งจบกลายเป็นระบม จนไม่สามารถเดินได้

"นอกจากสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์อย่างที่ใจหวังแล้ว ส่วนหนึ่งหนูก็พลาดเองด้วยค่ะ อย่างยกสาม เป็นจังหวะที่หนูเตะหัวได้แล้ว ตั้งใจว่าจะบอกโค้ช กลายเป็นว่าเราไปเหม่อ ก็เลยโดนเตะหัวคืน หรืออย่างช่วงที่หนูพยายามทำแต้มไล่ ก็โดนเขาดักคะแนนหนีไปเรื่อยๆค่ะ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของสมาธิและประสบการณ์ล้วนๆเลยค่ะ ก็ทำให้รู้ว่าเกมใหญ่แบบนี้ ถ้าเราไม่ละเอียด เผลอ หรือ พลาดนิดเดียว เกมเปลี่ยนทันที"

เจ้าตัวเผยอีกว่า ก่อนมาแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 พยายามฝึกซ้อมอย่างหนัก ซึ่งก็เป็นการซ้อมแบบหนักที่สุดแบบที่ไม่เคยซ้อมมาก่อน เพราะรู้ดีว่า ในโอลิมปิกเกมส์ไม่มีงานง่าย ซึ่งพอลงแข่งก็ไม่ง่ายจริงๆ แต่ถึงแม้จะแพ้กลับไป แต่ก็ยังรู้สึกดีใจอย่างหนึ่งที่สามารถเอาชนะนักกีฬาจากบราซิล คนที่ตนเองเคยแพ้มาได้

"หนูเป็นคนที่มีความรู้สึกว่าถ้าเราแพ้คนนี้ เวลากลับมาเจอรอบหน้า ต้องเอาชนะให้ได้ ทุกคนที่หนูเคยแพ้ก็จะต้องกลับไปทำการบ้าน เพื่อรอบหน้าที่จะเจอกัน จะได้เอาชนะได้ อย่างบราซิลที่เจอกันรอบ 16 คน ในโอลิมปิกหนนี้ หนูก็แพ้เขามาก่อนในชิงแชมป์โลก รอบนี้ก็เลยตั้งใจว่า ต้องมาชนะให้ได้"

นี่อาจหนึ่งเรื่องที่ทำให้ "ใบเตย" ได้ชื่นใจว่า การฝึกฝนอย่างหนักนั้นไม่สูญเปล่า เพราะผลลัพธ์ที่ออกมาแสดงให้เห็นแล้วว่าเธอสามารถเอาชนะนักกีฬาคนที่เคยแพ้มาได้ แม้จะมีเรื่องน่าเสียดายที่เธอเองบาดเจ็บจนทำให้ร่างกายไม่สมบูรณ์ดีนัก ตอนลงแข่งขันในรอบแก้ตัวก็ตาม

"ใบเตย" ยังเผยอีกว่า จากศึกโอลิมปิกเกมส์ 2024 ทำให้เห็นแล้วว่า หากต้องการจะก้าวไปให้ไกลกว่านี้ในการแข่งขัน รุ่น 67 กก.หญิง จำเป็นต้องพัฒนาในเรื่องของความแข็งแรงให้มากขึ้นกว่านี้ และคงต้องลงแข่งขันในรุ่น 67 กก.หญิง ให้มากขึ้นกว่าที่ผ่านๆมา เพื่อให้มีโอกาสได้เจอกับคู่แข่งระดับโลก เพื่อให้ได้เรียนรู้ฝีมือควบคู่ไปด้วย

จอมเตะสาววัย 20 ปี ยังชี้ด้วยว่า ปารีส 2024 เป็นโอลิมปิกเกมส์ที่ให้บทเรียนและประสบการณ์กับตัวเองหลายอย่างจริงๆ ที่ชัดเจนคือทำให้เห็นว่ามีนักกีฬาเก่งๆที่มีฝีมือเหนือกว่าตนอีกหลายคน ซึ่งครั้งนี้ได้เห็นฝีมือก็ยิ่งทำให้มีแรงจูงใจที่อยากจะกลับไปพัฒนาตัวเองอีก เพราะในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์รอบหน้า ปี 2028 ตนเองยังคงมีความฝันที่จะกลับมาทำการแข่งขันอีก และหวังที่ใช้ประสบการณ์จากครั้งนี้ กลับมาแก้มือและทำให้ดีกว่าเดิม


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport
X