เสริมศักดิ์ ให้ผู้ว่ากกท.ตรวจงบจัดเอเชียนอินดอร์ฯที่เบิกไป 980 ล้าน

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ส่งหนังสือถึง ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กรณีการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียน อินดอร์ และ มาเชียลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6โดยตามที่การกีฬาแห่งประเทศไทยแจ้งว่า คณะกรรมการฝ่ายและสำนักของการกีฬาแห่งประเทศไทย ให้ปรับลดวงเงิน จัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 ลงเป็นจำนวน 179,997,615 บาท คงเป็นงบประมาณที่ต้องใช้จัดการแข่งขันอีกเป็นเงิน 1,218,908,185 บาท 

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาแล้ว ขอแจ้งว่า เนื่องจากการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียน อินดอร์ และ มาเชียลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 นั้น ได้ถูกเลื่อนการจัดมาหลายปีแล้ว มีการเบิกจ่ายงบประมาณของทางราชการไปแล้ว จำนวนประมาณ 980 ล้านบาท ประกอบกับมีผู้ร้องเรียนจำนวนมาก เกี่ยวกับความคุ้มค่า และความโปร่งใสของการดำเนินการที่ผ่านมา

1.ขอให้ท่านแจ้งต่อสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (Olympic Council of Asia : OCA) ว่า ทางการไทย ยืนยันจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 ตามพันธะสัญญา อย่างแน่นอน

2.ขอให้ท่านพิจารณาตรวจสอบในรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินจัดการแข่งขันกีฬาเอเซียน อินดอร์และมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 5 ซึ่งได้เบิกจ่ายไปแล้วประมาณ 980 ล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เงินค่าเก็บตัวนักกีฬา เงินค่าเตรียมการจัดการแข่งขันฯ และค่าระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ แล้วรายงานยืนยัน ความถูกต้องและความโปร่งใส ต่อกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ภายใน 7วัน และหากตรวจพบ ความผิดปกติหรือเหตุอันควรสงสัยว่ามีการทุจริตและประพฤติมิชอบ ขอให้ท่านดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ โดยทันที

3.เนื่องจากจำนวนเงินที่เสนอขอใช้จัดการแข่งขันฯ เป็นจำนวนกว่า 1,200 ล้านบาท และ มีรายละเอียดมาก จึงขอให้ท่านนำรายละเอียดและเหตุผลความจำเป็นเสนอต่อคณะอนุกรรมการพิจารณา กลั่นกรองด้านการพัฒนากีฬาพิจารณาโดยไม่ชักช้า จากนั้นขอให้รายงานยอดเงินงบประมาณที่ผ่าน การกลั่นกรองแล้วเสนอต่อกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ เพื่อให้การจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาเซียลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6เป็นไป อย่างโปร่งใส คุ้มค่า และปราศจากข้อครหาใด ๆ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้แจ้งให้สำนักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน พิจารณาดำเนินการ ตามอำนาจหน้าที่อีกทางหนึ่งแล้ว