ทัพโอลิมปิกไทยกับงานท้าทายที่แอลเอ

ทัพโอลิมปิกไทยกับงานท้าทายที่แอลเอ
รูดม่านปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์​ 2024 หรือ "ปารีส 2024" ซึ่งกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพ ในส่วนของทัพไทย ฝากผลงานในการแข่งขันครั้งนี้เอาไว้ที่ 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง ซึ่งเหรียญทองโทนคราวนี้ มาจากนักกีฬาคนเดิม "เทนนิส"​ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ในเทควันโด รุ่น 49 กก.หญิง

3 เหรียญเงินมาจากแบดมินตัน ซึ่งถือเป็นกีฬาความหวังของไทย ที่คราวนี้ได้สมหวังสักทีกับเหรียญรางวัลที่รอคอยมานานถึง 32 ปี และก็เป็น "วิว" กุลวุฒิ วิทิตศานต์ อีกหนึ่งความมหัศจรรย์ยุคใหม่ของวงการแบดมินตันไทย ที่จารึกชื่อเป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่คว้าเหรียญแบดมินตัน โอลิมปิกเกมส์ โดยรอบชิงชนะเลิศ "วิว" พ่าย วิคเตอร์ อเซลเซ่น แชมป์เก่าจากเดนมาร์ก ที่แกร่งทั่วแผ่นจริงๆ ไป 0-2 เกม ทำให้ได้รองแชมป์

ส่วนเหรียญเงินอีกสองเหรียญมาจาก "ฟ่าง" ธีรพงศ์ ศิลาชัย จอมพลังหนุ่มวัย 20 ปี จากศรีสะเกษ ที่ได้เหรียญเงิน รุ่น 61 กก.ชายมาแบบเซอร์ไพรส์ อย่างไรก็ตามต้องชมเจ้าตัวยกได้นิ่งและรับมือกับความกดดันได้ดีทีเดียว กับโอลิมปิกเกมส์แรก โดยโชว์ความนิ่ง ขึ้นไปยกผ่านทั้ง 6 ครั้ง

และเหรียญเงินอีกเหรียญมาจาก "เวฟ" วีรพล วิชุมา จอมพลังหนุ่มพลังช้าง จากสุรินทร์ ที่แม้หลังการยกจบในท่าสแนตช์จะรั้งอันดับ 9 แต่ก็มาระเบิดฟอร์มในท่าคลลีนแอนด์เจิร์ก แซง 7 อันดับ ขึ้นมาคว้าเหรียญเงินได้อย่างสะใจแฟนกีฬา

ด้านทองแดง 2 เหรียญ มาจาก "ออย" สุรจนา คำเบ้า มาจากยกน้ำหนักในรุ่น 49 กก.หญิงกับ "บี" จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง มวยสากลหญิง รุ่น 66 กก.

ผลงาน 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง ทำให้ทัพไทยจบอันดับ 44 ของตารางเหรียญรางวัล ร่วมกับ จาไมก้า และ แอฟริกาใต้ โดยเป็นอันดับที่ 12 ของเอเชีย และอันดับที่ 3 ของอาเซียน

ฟิลิปปินส์ เป็นชาติที่ทำผลงานดีสุดในอาเซียน มี 2 เหรียญทอง 2 ทองแดง โดย 2 เหรียญทอง ได้จาก คาลอส ยูโร่ ฮีโร่นักกีฬายิมนาสติก ซึ่งได้เหรียญทองจากประเภทฟลอร์เอ็กซ์เซอร์ไซส์ และม้ากระโดด ส่วน 2 เหรียญทองแดง ได้จากมวยสากลหญิง ไอร่า วิเลกัส กับ เนสตี้ ปาเตซิโอ้ ทำให้ได้อันดับ 37 ร่วมกับ ฮ่องกง

ส่วนอินโดนีเซีย มี 2 เหรียญทอง 1 เหรียญทองแดง จบอันดับ 39 ร่วมกับแอลจีเรีย โดย อินโดนีเซียได้ 2 เหรียญทอง จาก ริสกี้ จูเนียร์สยาห์ ยกน้ำหนัก รุ่น 73 กก.ชาย ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับ วีรพล วิชุมา รวมถึง เวดดริก ลีโอนาโด้ ในกีฬาปีนผา และ 1 เหรียญทองแดง จาก แกรกรอเลีย มาริสก้า ทุนจุง ในกีฬาแบดมินตันหญิงเดี่ยว

ผลงานโดยรวมของทัพไทยในโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ ถือว่าน่าพอใจในระดับหนึ่ง เราได้เห็นนักกีฬาลงแข่งขันด้วยความทุ่มเทและมุ่งมั่น อย่างเต็มกำลัง ได้เรียนรู้และรับประสบการณ์จากการแข่งขันที่มียอดนักกีฬาจากทั่วโลกเข้าร่วม ซึ่งก็มีทั้งสมหวัง ทำได้ดีเกินเป้า หรือตามเป้า รวมถึงอาจไม่สมหวังอย่างที่ตั้งใจ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาของการแข่งขันกีฬา

เทควันโด, ยกน้ำหนัก, มวยสากล ยังคงเป็น 3 กีฬาความหวัง ที่คว้าเหรียญรางวัลให้กับประเทศไทยในศึกโอลิมปิกเกมส์ โดยมีแบดมินตัน เป็นชนิดกีฬาใหม่ ที่คว้าเหรียญรางวัลได้ จากฝีมือของ "วิว" กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ในประเทศชายเดี่ยว ซึ่งนี่ก็อาจเป็นการปลดล็อค และปูทางไปสู่การคว้าเหรียญรางวัลในโอลิมปิกครั้งต่อๆไป เหมือนเทควันโด, ยกน้ำหนัก และ มวยสากล หลังจากทำได้ครั้งแรกก็ต่อยอดคว้ารางวัลเรื่อยมา

1 เหรียญทอง ของทัพไทยคราวนี้ ยังคงเป็น "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะคนเดิม ที่ยังคงสร้างความสุขให้กับแฟนกีฬาชาวไทยกันอีกครั้ง เจ้าตัว คว้าเหรียญทอง ด้วยการเอาชนะ ฉิง กั๋ว จอมเตะสาวจีน ไปแบบลุ้นระทึก 2-1 ยก คว้าเหรียญทอง เทควันโด รุ่น 49 กก.หญิง ได้เป็นสมัยที่สอง นับเป็นนักกีฬาไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัย คือปี 2021 และ 2024 และเป็นคนแรกที่ได้เหรียญรางวัลในโอลิมปิกเกมส์ 3 ครั้ง

"เทนนิส" ปิดฉากและอำลาเส้นทางนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยได้อย่างยิ่งใหญ่และสมศักดิ์ศรี และเมื่อเสร็จศึก "ปารีส 2024" เจ้าตัวเดินทางกลับถึงเมืองไทย ก็ได้ประกาศอำลาและเลิกเล่นอย่างเป็นทางการ โดยขอเปิดทางให้กับรุ่นน้องได้ขึ้นมาทำหน้าที่แทน พร้อมขอโฟกัสกับธุรกิจยิมเทควันโด รวมถึงรักษาตัว จากอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่ติดตัวมาตลอดการเล่นเทควันโด

ปฏิเสธไม่ได้ว่า "พาณิภัค" คือหนึ่งในขุนศึกคนสำคัญ ที่สร้างผลงานให้กับทัพไทยมาอย่างต่อเนื่อง และยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นมหกรรมกีฬาใดๆ แฟนกีฬาไทยสมหวัง กับเหรียญทอง ที่เจ้าตัวมักจะคว้ามาได้อยู่เสมอ ยามลงแข่งขัน ชัดเจนที่สุด ก็คือโอลิมปิกเกมส์ 2 สมัยล่าสุด รวมไปถึงเอเชียนเกมส์ ซีเกมส์ หรือ กีฬาม.โลก ซึ่งเจ้าตัวเป็นจอมเตะคนสำคัญที่มักจะคว้าความสำเร็จให้กับทีมทีมเทควันโดไทยมาโดยตลอดเช่นกัน

การไม่มีชื่อของ "พาณิภัค" ถือเป็นงานที่ท้าทายของทีมเทควันโดไทยและทัพไทย ยามต้องออกศึกในมหกรรมกีฬาใหญ่ๆหลังจากนี้อย่างแน่นอน จากการที่เราจะขาดนักกีฬาตัวความหวังที่การันตีความสำเร็จ

นี่จึงเป็นงานยากของเทคเทควันโดไทย ที่หลังจากนี้ต้องพยายามสร้างจอมเตะความหวังใหม่ในทีมคนอื่นๆขึ้นมาแทนที่ "พาณิภัค" โดย "โค้ชเช" ชัชชัย เช หัวหน้าผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทย เผยว่าในรุ่น 49 กก.หญิง มีจอมเตะเยาวชนชน 2-3 คน ที่พร้อมจะขึ้นมารับหน้าที่ต่อ แต่ทว่าก็ต้องให้เวลานักกีฬาในการสร้างและสั่งสมประสบการณ์ เหมือนครั้งหนึ่งที่ พาณิภัค ก็เคยได้รับมา

ส่วนทัพไทยก็ต้องบอกว่าเป็นงานที่ท้าทายอย่างแน่นอน กับโอลิมปิกเกมส์ 2028 ที่จะไม่มี พาณิภัค นักกีฬาที่เป็นตัวชูโรง ที่แบกความหวัง โดยเจ้าตัวคว้าเหรียญรางวัลโอลิมปิกให้ประเทศไทยใน 3 สมัยล่าสุด โดยเป็นเหรียญทองโทนถึง 2 สมัย ทั้งในปี 2021 ที่ได้มา 1 เหรียญทอง 1 เหรียญทองแดง และปี 2024 ที่ได้มา 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport