ยิมฯอยู่ในสายเลือด"มู่หลาน"พิสูจน์ความสามารถสู่ทีมชาติ

ยิมฯอยู่ในสายเลือด"มู่หลาน"พิสูจน์ความสามารถสู่ทีมชาติ
เลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของหนูน้อยวัย 13 ปี "มู่หลาน" โจโจ ทวินันท์ เป็นสายเลือดของนักกีฬายิมนาสติกโดยแท้และ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะทั้งพ่อและแม่ของ "มู่หลาน" คือนักกีฬายิมนาสติก คุณพ่อคืออดีตนักกีฬาทีมชาติไทย "ครูต้น" ญาณวุฒิ ทวินันท์ กับ เทียนเค่อ เคอร์ โจว นักกีฬายิมนาสติกลีลาชาวจีนที่เดินทางมาเป็นผู้ฝึกสอนให้กับ รร.กีฬากรุงเทพ พร้อมกับคุณแม่ เมื่อประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว จนมาถึงปัจจุบัน "เทียนเค่อ เคอร์ โจว" ได้เปิดยิมฯ สอนภายใต้ชื่อ Bangkok Gymnastics Club ที่ตั้งอยู่ภายในโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ เหม่งจ๋าย

"มู่หลาน" คือลูกสาวคนเล็กของ เคอ เคอ และ "ครูต้น" ที่ได้รับการฝึกฝนให้เล่นยิมนาสติกลีลาเช่นเดียวกับแม่ ตั้งแต่อายุ 4 ขวบ ด้วยสายเลือดของนักกีฬาที่มีอยู่เต็มตัว "มู่หลาน" ใช้เวลาการฝึกฝนแค่ 2 ปีก็เริ่มออกแข่งขันเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้กับตัวเอง

ปี  2017 เป็นปีที่ "มู่หลาน" ออกแข่งขันเป็นครั้งแรกหลังจากที่ฝึกฝนมาอย่างดี  2 ปีเต็ม ในรายการ สิงคโปร์ โอเพ่น 2017 โดยลงแข่งในอุปกรณ์บอล และประเภททีม ซึ่งครั้งแรกของ "มู่หลาน" ยังตื่นเต้นกับแข่งขัน เล่นไปลืมท่าไป ทำเอาแม่และโค้ชข้างสนามนั่งลุ้นกันตัวโก่ง

แต่..หนูน้อยในวัย 6 ขวบก็ผ่านมาได้พร้อมกับคว้าเหรียญเงินประเภททีมมาครองได้กับการลงสนามแข่งขันครั้งแรก และกลายเป็นแรงบันดาลใจ ให้กลับมาฝึกหนักขึ้นเพื่อพัฒนาตัวเองมีความพร้อมที่จะออกไปแข่งชันได้มากกว่าครั้งแรก

ความทุ่มเท และมุ่งมั่น มู่หลานเริ่มฉายแววความเก่ง งัด DNA ของพ่อและแม่ออกมาได้อย่างเด่นชัด และทางสโมสร  Bangkok Gymnastics Club ก็เริ่มส่ง "มู่หลาน" รวมถึงนักกีฬาคนอื่นๆออกไปแช่งต่างประเทศ ที่เรียกว่าไปแข่งมาทั่วอาเซียนแล้ว ทั้ง มาเลเซีย,สิงคโปร์, จีน,ญี่ปุ่น รวมถึง อาเซอร์ไบจาน

โดยเฉพาะรายการ สิงคโปร์ โอเพ่น ถือเป็นงานใหญ่ที่มีนักแข่งมากฝีมือเข้าร่วมแข่งขัน และ "มู่หลาน" ก็ได้ลงแข่งขันในรายการนี้มาแล้วถึง 4  ครั้งตั้งแต่ปี  2017 และปีที่ทำผลงานได้ดีที่สุใน สิงโปร์ โอเพ่น คือปี 2022 ที่คว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จในรุ่นอายุไม่เกิน 11 ปี และลงแข่งรายการชิงแชมป์ประเทศไทยครั้งแรกในปีเดียวกัน

ยิ่งเกมใหญ่ "มู่หลาน" ต้องซ้อมหนักขึ้น โดยมี "ครูพลอย" สงกรานต์ มาลีวงศ์ อดีตนักกีฬายิมนาสติกทีมชาติไทยเป็นผุ้ฝึกสอน คอยแก้ไขท่าต่างๆให้ออกมาสมบูรณ์มากที่สุด เพื่อลงแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งที่ 39 "ราชบุรีเกมส์" เมื่อมีนาคมที่ผ่านมา

"มู่หลาน" ทำผลงานได้ดีเกินคาด คว้าเหรียญทองประเภททีมให้กับกรุงเทพมหานคร และคว้าเหรียญทองแดงจากอุปกรณ์บอลมาครองได้ ซึ่งถือเป็นผลงานที่เกินคาดสำหรับการลงแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งแรก

"ตอนแข่งกีฬาเยาวชนลงไม่คิดว่าจะได้เหรียญแข่งเสร็จก็เตรียมของกลับบ้านเลย แต่ปรากฏว่ามีชื่อผ่านเข้าไปแข่งรอบชิงชนะเลิศในประเภทบอล ก็ดีใจและพยายามทำออกมาให้เหมือนที่ซ้อม แต่ตื่นเต้นมาก เพราะต้องแข่งกับพี่ๆ ทีมชาติด้วย ก็เล่นตามที่ซ้อมกันมา จนคว้าเหรียญทองแดงมาครองได้ ดีใจมากค่ะ ยิ่งทำให้เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้นอยากจะติดทีมชาติ ทุกวันนี้ก็ซ้อมหนักวันละ 10 ชม. หากเป็นช่วงปิดเทมอ แต่พอโรงเรียนเปิดเทอมก็จะซ้อมน้อยลงมา"

นอกจากการเล่นยิมนาสติกลีลาแล้ว มู่หลาน ยังเรียนเต้นและลงแข่งขันไปแข่งขันมาล่าสุดทำผลงานได้น่าพอใจมาก ล่าสุดไปแข่งรายการ CSTD คว้าแชมป์มาได้ 4 อีเว้นต์  ซึ่งการเรียนเต้นก็ทำควบคู่ไปกับการฝึกซ้อมยิมนาสติกลีลา แต่หากให้เลือกเล่นจริงๆ หนูอยากเล่นยิมนาสติกลีลา อยากฝึกตัวเองให้เก่งเพื่อจะก้าวไปสู่การเป็นทีมชาติ ซึ่งการที่เราจะเป็นทีมชาติได้ ต้องแสดงความสามารถและศักยภาพของตัวเองว่าเก่งพอที่จะติดทีมชาติได้ หากต้องเลือกก็จะเลือกยิมนาสติกลีลคะ เพราะยาย แม่และพ่อ ก็เป็นนักกีฬายิมนาสติก ก็อยากจะเล่นและพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นมากกว่าเดิม 

เป็นนักยิมฯ โดยสายเลือด แม้ "มู่หลาน" จะมีทักษะและความสามารถาทางด้านการเต้น แต่หากต้องเลือกเพียงหนึ่ง "ยิมลีลา" คือคำตอบของ "มู่หลาน"

ตั้งแต่มู่หลานเริ่มเล่นยิม เคอไม่ได้เป็นคนสอนลูก แต่จะมีครูน้อง กฤษอาภา จินดาสอน เป็นคนสอนมาตั้งแต่เด็ก เคอ แค่มาปรับท่าให้ลูก ซึ่งเราได้เห็นการพัฒนาของลูกมาตั้งแต่เริ่มเล่นจนถึงปัจจุบันนี้ ส่วนเรื่องเต้น มูหลาน มีพรสวรรค์ทางด้านเต้นและใจจริงอยากให้ลูกเลือกเต้นมากกว่ายิมฯ แต่เขาจะเล่นยิมฯบอกว่ายิมลีลามีความท้าทาย ท่าไหนที่ยาก หรือทำไม่ได้ จะต้องทำซ้ำๆ จนกว่าจะทำได้ ทำให้เขารู้สึกว่า นี่คือความท้าทาย อยากจะเอาชนะความยากเหล่านั้นให้ได้เพื่อพัฒนาตัวเองไปสู่การเป็นทีมชาติ ก็อยากให้เค้าทำออกมาให้ดีที่สุด ที่เขาจะทำได้"

"เคอ เคยถามมู่หลานว่า เป้าหมายของการเล่นยิมฯ ของมู่หลานคืออะไร เขาตอบว่าอยากได้ที่ 1 ทุกครั้งที่ลงสนาม เคอ จึงบอกกับลูกว่าหากอยากได้ที่ 1 ทุกการแข่งขัน เราต้องซ้อมหนักและเหนื่อยกว่ากว่าคนอื่น แต่อยากให้เขาเล่นกีฬาให้สนุก มีสุขภาพแข็งแรง อยู่ดูแลกันและกันเพราะ ตอนเด็กๆเคอไม่ค่อยได้อยู่กับแม่ เพราะแม่ต้องมาสอนที่ไทย พอตามมาไทยก็เลยได้ช่วยแม่สอน ซึ่งตอนนี้แม่ก็จากไปแล้ว พอลูกสาวเลือกเล่นยิมฯ เราก็มีเวลาอยู่และดูแลมากขึ้นนี้ถือว่าทำได้ตามเป้าหมายแล้ว ส่วนเรื่องทีมชาติคือโบนัส

"หากเขาจะเป็นทีมชาติ เราก็อยากให้ลูกเป็นทีมชาติที่มีคุณภาพ เก่งด้วยตัวเองจริงๆ ซึ่งปีนี้ เคอจะพาลูกไปขึ้นทะเบียนนักกีฬาของจีนด้วย เพื่อให้เค้ามีโอกาสเลือกว่าหากฝีมือไปถึงทีมชาติแล้ว อยากจะเป็นทีมชาติอะไร ไทยหรือ จีน ซึ่งเราไม่ได้บังคับลูก ให้เขาตัดสินเลือกด้วยตัวเอง เพราะสำหรับ เคอ ในฐานะแม่ ลูกติดทีมชาติได้ นั้นคือความภูมิใจแล้ว"

ไม่ว่า "มู่หลาน" จะเลือกเส้นทางไหน คนเป็นพ่อ และแม่ ยินดี และพร้อมจะผลักดันให้ลูกไปถึงฝั่งฝัน คอยเป็นกำลังใจที่จะผลักดันลูกให้เดินได้ตามเป้าหมายของตัวเอง!!!


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport