ตั๋ว 1 ใบจากจอมเตะชาย ได้เพิ่มมาจาก "หยู" บัลลังก์ ทับทิมแดง เจ้าของเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2022 ที่จีน และรองแชมป์โลก 2023 ซึ่งขยับรุ่นจาก 63 กก.ชาย ที่เจ้าตัวสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมใน 2 แมตช์ดังกล่าว ขึ้นมาแข่งในรุ่น 68 กก.ชาย ก่อนคว้าตั๋วรอบสุดท้ายไปครอง

ส่วนอีก 1 ใบ ได้มาจาก "ใบเตย" ศศิกานต์ ทองจันทร์ จอมเตะสาวดีกรีเหรียญทองกีฬา ม.โลก 2023 ที่เฉินตู ที่ขยับพิกัดของตนเองจากรุ่น 62 กก.หญิง ขึ้นมาแข่งขันในรุ่น 67 กก.หญิง ก่อนคว้าโควตาดังกล่าวไปได้

น่าเสียดายที่ "ฮามัน" ธนกฤต ยอดรักษ์ ซึ่งก็ร่วมเดินทางแข่งขันในแมตช์ควอลิฟายดังกล่าวด้วย พลาดโควตาไป หลังพ่ายให้กับจอมเตะจากคาซัคสถาน ที่เป็นตัวเต็งในรุ่น 58 กก.ชาย ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ทำให้พลาดตั๋วไป

โดยในท้ายที่สุด จอมเตะชาวคาซัคสถานรายนี้ ก็เข้าไปคว้าตั๋วโอลิมปิกเกมส์ได้สำเร็จด้วย ซึ่งก็เชื่อประสบการณ์และบทเรียนจากความผิดหวังในความพ่ายแพ้หนนี้ จะช่วยผลักดันให้ "ฮามัน" กลับมาแข็งแกร่ง พร้อมพัฒนาตัวเองกลับมาสู้ใหม่ในทัวร์นาเมนต์อีกหลายๆรายการที่รออยู่

เมื่อรวมกับตั๋ว 1 ใบ ที่ทีมเทควันโดไทยการันตีมีอยู่ในมืออยู่แล้ว จาก "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ แชมป์เก่าในศึก "โตเกียวเกมส์" ในรุ่น 49 กก.หญิง จากการมีอันดับโลก ติดอยู่ 1 ใน 6 ก็ทำให้ ทัพไทยคว้าโควตาศึกเทควันโด "ปารีส 2024" จำนวน 3 ที่นั่ง มากกว่าหนก่อน เมื่อปี 2021 ที่โตเกียว หนนั้นได้ 2 ที่นั่ง จาก "เทนนิส" พาณิภัค และ "จูเนียร์" รามณรงค์ เสวกวิหารี ในรุ่น 58 กก.ชาย

เชื่อว่าการได้โควตาถึง 3 รุ่นนั่น ถือเป็นการช่วยลดความกดดันให้กับ "เทนนิส" พาณิภัค ตัวเต็งและแชมป์เก่า ที่ถูกคาดหวังว่าจะต้องคว้าเหรียญทองทิ้งทวนในโอลิมปิกเกมส์รอบนี้ได้ไม่มากก็น้อย เพราะ อีก 2 จอมเตะที่คว้าโควตาได้ถือว่าเป็นจอมเตะรุ่นใหม่ที่เวลานี้พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาจนเป็นที่น่าจับตาของวงการเทควันโดโลก

ในรายของ "หยู" บัลลังก์ ทับทิมแดง กับช่วงเวลา 1 ปีกว่าๆที่ผ่านมา พิสูจน์ฝีมือให้โลกได้รับรู้ จากผลงานสุดยอด คว้ารองแชมป์โลก 2023 รุ่น 63 กก.ชาย ที่อาเซอร์ไบจาน ซึ่งทัวร์นาเมนต์นั้น เจ้าตัวฝ่าด่านมือดีหลายคน ไม่ว่าจะเป็น  ซาอิด อัลฮาลาวานี่ มือ 2 ของโลก เจ้าของเหรียญทองแดงชิงแชมป์โลกปี 2022 จากโอมาน  หรือ โยฮัน จอร์เกรา คาล่า เจ้าของเหรียญทองแดงโลก 2022 จากสเปน มือ 3 ของโลก ในเวลานั้น น่าเสียดายที่ไปพ่ายให้กับจอมเตะตุรกี อย่าง ฮาคาน เรคเบอร์ อีกหนึ่งตัวเต็งมือ 10 ของโลก ในเวลานั้นไป 1-2 ยก ในรอบชิงเหรียญทอง

ผลงานดังกล่าวถือเป็นการแจ้งเกิดของ บัลลังก์ ก่อนที่เจ้าตัวจะมาระเบิดฟอร์มคว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ในช่วงปลายปี 2023 ที่จีน และมาคว้าตั๋วโอลิมปิกเกมส์ 2024 ในรุ่น 68 กก.ชาย ซึ่งเจ้าตัวต้องขยับขึ้นมาแข่งขันรุ่นนี้โดยไม่มีเงื่อนไข เพราะรุ่น 63 กก.ชาย ไม่มีชิงเหรียญทองโอลิมปิก

ด้าน "ใบเตย" ศศิกานต์ ที่ครั้งหนึ่งเคยผิดหวังจากความพ่ายแพ้ตั้งแต่หนแรกในเวทีระดับภูมิภาค อย่าง ศึกซีเกมส์ 2022 โดยทำได้เพียงเหรียญเงิน แต่หลังจากนั้น เจ้าตัวมุ่งมั่นกลับมาแก้มือ คว้าเหรียญทองในศึกซีเกมส์ 2023 ที่กัมพูชา รวมถึงยังเหรียญทองในเวทีใหญ่ อย่างศึก ม.โลก 2023 ที่เฉินตู ในรุ่น 62 กก.หญิง

ก่อนที่เมื่อเดือนก.พ.ปี 2024 จะขยับขึ้นจากรุ่น 62 กก.หญิง มาชิมลางเตะในรุ่น 67 กก.หญิง ที่มีแข่งขันในโอลิมปิก พร้อมกับสร้างผลงานยอดเยี่ยมด้วยการเอาชนะ เวต เฮนิน แมกดา มือ 1 ของโลก จากฝรั่งเศส ซึ่งได้ตั๋วลุย "ปารีส 2024" แล้ว ในรอบรองชนะเลิศ ของ ศึกเตอร์กิช โอเพ่น 2024  และเข้าไปคว้าแชมป์รายการดังกล่าวได้สำเร็จ

ชัยชนะดังกล่าวส่งผลต่อความมั่นใจให้ "ใบเตย" ก้าวมาคว้าตั๋วโอลิมปิกเกมส์ 2024 ในรุ่น 67 กก.หญิงได้สำเร็จ ในชนิดที่มีโชคและดวงด้วยเช่นกัน เพราะแข่งชนะเพียงแมตช์เดียวในรอบควอลิฟายโซนเอเชีย ก็ได้ไปปารีสเลย เพราะคู่แข่งในรุ่นนั้น มีเพียง 6 คนเท่านั้น

"หยู" และ "ใบเตย" เผยร่วมกันหลังคว้าตั๋วว่า ตนเองทั้งคู่ยังมีการบ้านที่ต้องทำอีกเพียบ เหตุเพราะนี่คือการขยับมาเล่นในพิกัดที่ตัวเองไม้ได้คุ้นเคย และไม่ใช่น้ำหนักโดยธรรมชาติ ดังนั้นเมื่อเจอกับนักกีฬาต่างชาติที่ใหญ่และแข็งแรงโดยธรรมชาติในรุ่นน้ำหนักตัวเองแล้ว ย่อมเป็นงานที่หนัก ดังนั้นสิ่งที่ต้องเร่งแก้และพัฒนาก็คือการเพิ่มกล้ามเนื้อ รวมถึงเพิ่มเทคนิคและความเร็ว และความคล่องตัวเข้าไป

สำหรับโอลิมปิกเกมส์ 2024 ก็ต้องมาลุ้นกันว่า เทควันโด ซึ่งถือเป็นหนึ่งในชนิดกีฬาความหวังเบอร์ต้นๆของในการลุ้นเหรียญรางวัล เทียบเคียงจากผลงานการคว้าเหรียญรางวัลมาอย่างต่อเนื่องนับแต่ปี 2004 ไล่มาจนถึงปี 2021 รวมคว้าแล้ว 1 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง จะมีผลงานเป็นเช่นไรใน "ปารีส 2024"

ถ้าเลือกได้ก็เชื่อว่าๆแฟนกีฬาๆอยากจะเห็นหน้าประวัติศาสตร์อีกครั้ง ทั้งการลุ้นคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์สมัยที่ 2 ของ พาณิภัค ซึ่งยังไม่เคยมีนักกีฬาไทยคนไหนทำได้มาก่อน หรือการได้เห็น ทั้ง 2 จอมเตะดาวรุ่ง อย่าง "หยู" และ "ใบเตย" ก้าวไปคว้าเหรียญทอง หรือมีเหรียญรางวัลบนเวทีโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรก ซึ่งถ้ามันเกิดขึ้นจริง คงจะเป็นที่สุดยอด และเหนือคำบรรยายน่าดู