เปิดใจ"หญิง-ดลณพร"อดีตนักเทควันโดทีมชาติพลิกชีวิตสู่นางเอกยอดนักบู๊

12/14/2023 10:46

หากพูดถึง "หญิง" ดลณพร สุขประเสริฐ หรือในชื่อเดิม นพรัตน์ สุขประเสริฐ เชื่อว่าแฟนกีฬาไทย โดยเฉพาะแฟนกีฬาหนุ่มๆน่าจะคุ้นหน้า คุ้นตา รวมถึงร้องว๊าว ตกตะลึงในความสวย ความแซ่บ ซึ่งก็มาพร้อมกับความดุดันเข็มแข็งสมเป็นอดีตนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยอย่างแน่นอน แม้ในวันนี้เจ้าตัวจะเลิกเล่นกีฬาเทควันโดไปแล้ว แต่ยังไม่ทิ้งวงการเทควันโดที่บ่มเพาะทักษะชีวิตหลายๆสิ่งหลายๆอย่างจนทำให้ตัวเธอมีวันนี้

ทีมข่าวกีฬาสยาม มีโอกาสได้พูดคุยกับ "หญิง" ดลณพร สุขประเสริฐ อดีตจอมเตะทีมชาติไทย ที่เวลานี้ผันตัวมาเป็นผู้ฝึกสอนเทควันโด อีกทั้งยังเป็นกรรมการตัดสินเทควันโด ของสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย รวมถึงยังทำงานในวงการบันเทิง ในฐานะนักแสดงอิสระ ซึ่งตลอดหลายปี่ผ่านมา ก็มีผลงานของเจ้าตัวออกจอแก้วให้แฟนๆได้รับชมกันอยู่เสมอ

"หญิง" ยอมรับว่าชีวิตในตอนนี้ตนเองยังคงมีความสุขกับทุกๆสิ่งที่ได้ลงมือทำ แต่ก็อดย้อนกลับไปคิดถึงชีวิตในช่วงวัยเด็กและวัยรุ่นที่สร้างและเสริมทักษะต่างๆในชีวิตให้ตนเอง จนสามารถมีวันนี้อย่างที่ตนเองตั้งใจไว้ไม่ได้

"หญิง" เล่าย้อนถึงชีวิตของตัวเองในวันเด็กว่า ในวัยเด็กตนก็ชอบเล่นและอยากมีเวลาอยู่กับเพื่อนๆเหมือนเด็กทั่วไป ทว่าด้วยความที่ที่บ้าน ทั้งคุณและคุณแม่ ก็ต่างชอบเล่นกีฬาอยู่แล้ว โดยคุณพ่อเป็นนักฟุตบอลกับนักตะกร้อ ส่วนคุณแม่เป็นนักกรีฑา จึงทำให้ลูกๆในบ้านได้รับการปลูกฝังให้เล่นกีฬากันตั้งแต่เด็กๆเช่นกัน

"หนูเองมีโอกาสได้เล่นเทควันโดตั้งแต่ 7 ขวบค่ะ ก็เล่นตามพี่สาวคนโต ตัวหญิงเป็นน้องคนกลาง พอที่บ้านเห็นว่าพี่ชอบ ก็เลยสนับสนุน เราเองก็พลอยได้รับการส่งเสริมให้ฝึกเทควันโดด้วยตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งก็เชื่อว่าท่านทั้งสองหวังดีกับเรา อยากให้เราเล่นกีฬา เพื่อจะได้มีร่างกายแข็งแรง เพราะตอนนั้นหนูเป็นโรคหอบ"

"เอาจริงๆนะ ตอนแรกหนูไม่ชอบเลย ที่ไม่ชอบเพราะวันแรกที่ไปเล่น หนูโดนเพื่อเตะ จำได้ว่ากลับบ้านมาร้องไห้ ทำให้ความรู้สึกตอนนั้นมันค่อนข้างแย่ หลังจากกลับบ้านตอนนั้น ก็เลยหายไปสักพักใหญ่เลยค่ะ ไม่ได้ไปซ้อมกับเพื่อนที่สนามอยู่นานเหมือนกัน"

"หญิง" เผยอีกว่า พอกลับไปซ้อมใหม่ ก็เริ่มทำได้ดีขึ้นและดีขึ้น จนมีโอกาสไปแข่งขัน จำได้ว่าแมตช์แรกที่แข่งก็คือทัวร์นาเมนต์ที่โรงเรียนบดินทร์เดชา หนูเตะเอาชนะคู่แข่งแบบเอาท์สกอร์ และสุดท้ายก็ได้เหรียญทองเลยค่ะ มันจึงเป็นเหมือนการเติมเชื้อไฟให้เด็กคนหนึ่งยิ่งอยากฝึกฝนและเล่นให้เก่งขึ้นอีก"

หลังจากมุ่งมั่นฝึกฝนและพัฒนาตัวเอง รวมถึงกวาดเหรียญทองในรายการต่างๆอย่างต่อเนื่อง เจ้าตัวก็มีโอกาสได้เข้าคัดตัวเพื่อติดทีมชาติไทย

"หนูมีโอกาสได้เข้ามาคัดเลือกเพื่อเป็นนักกีฬาทีมชาติช่วง ม.4 ค่ะ ก็มีคัดติดทีมชาติ ได้เข้ามาซ้อมกับทีมชาติ ที่ตอนนั้นก็มี โค้ชเช เป็นผู้ฝึกสอนแล้วค่ะ ก็มีคัดติดได้มาซ้อม กิน นอน อยู่กับทีมชาติในแคมป์ เสียดายเล็กๆตรงที่ตอนนั้นก็มีจอมเตะที่เก่งระดับแชมป์โลก อย่าง "จูน" รังสิยา นิสัยสม อยู่ในพิกัดเดียวกับหนูค่ะ ก็เลยทำให้โอกาสที่จะไปแข่งขันในฐานะตัวแทนทีมชาติในแมตช์นานาชาตินั้นยังไม่มากเท่าที่ควร รวมๆแล้วเข้าๆออกๆ ติดทีมชาติอยู่ราวๆ 3-4 ปีค่ะ"

"กับการซ้อมในทีมชาติไทย เหนื่อยมากค่ะ แต่สิ่งที่ได้กลับมา คือ มันทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นมา คือ พอออกมาแข่งทัวร์นาเมนต์ต่างๆในประเทศไทย กลายเป็นว่าเราสามารถคว้าแชมป์ได้เกือบหมด ทั้งกีฬาเยาวชนแห่งชาติ กีฬาแห่งชาติ หรือชิงแชมป์ประเทศไทย ส่วนแมตช์นานาชาติ เคยไปแข่งในนามสโมสร จำได้ว่าก็เคยได้เหรียญเงินมาเช่นกัน ในแมตช์ที่มาเลเซีย"

ผลงานที่ยอดเยี่ยมในฐานะนักกีฬาเทควันโด เป็นใบเบิกทางให้ "หญิง" เข้าเรียนในสถาบันที่ใฝ่ฝันได้สำเร็จ ช่วงเวลานี้ความคิดเริ่มเปลี่ยน เพราะการที่ต้องเรียนอย่างหนักทำให้สุดท้ายเจ้าตัวเลือกโฟกัสไปกับการเรียนอย่างเต็มที่ และเลิกเล่นกีฬาเทควันโดไประหว่างเรียนปี 2 ที่ธรรมศาสตร์

แม้จะเลิกเล่นกีฬาเทควันโดไปตอนปี 2 แต่ "หญิง" ยังใช้ทักษะความรู้ ความสามารถในกีฬาเทควันโด มาต่อยอดด้วยการเป็นผู้ตัดสินเทควันโด ซึ่งแรงผลักดันชั้นเยี่ยมจากครอบครัว โดยเฉพาะคุณพ่อ ก็ทำให้เจ้าตัวผ่านการอบรมเป็นผู้ตัดสินด้วยวัยเพียง 18 ปีเท่านั้น ซึ่งก็นับว่าเป็นผู้ตัดสินที่มีอายุน้อยที่สุดในเวลานั้น

กับบทบาทผู้ตัดสิน "หญิง" ได้รับโอกาสครั้งสำคัญให้ลงทำหน้าที่ในแมตช์ชิงเหรียญทอง กีฬาแห่งชาติ ที่จ.สุพรรณบุรี เมื่อปี 2557 ซึ่งเป็นเกมใหญ่ระหว่างคาสซานดร้า ฮาลเลอร์ กับ รังสิยา นิสัยสม เกมนั้นมีสื่อมวลชนให้ความสนใจเดินทางมาทำข่าวกันอย่างหนาแน่น

ในวันนั้นเองก็ถือเป็นอีกหนึ่งวันแจ้งเกิดของเจ้าตัว โดยนอกจากจะทำหน้าที่ในสนามได้อย่างไม่มีข้อบกพร่อง ใบหน้าที่สวยโดนเด่นสะดุดตา ยังทำให้สื่อสำนักต่างๆนำเรื่องราวของเจ้าตัวไปตีแผ่ และยกให้เป็นนางฟ้าแห่งวงการผู้ตัดสิน

"หญิง" ร่ายอีกว่า ในช่วงเวลานั้น อ.กุ้ง กรรมการในสมาคมเทควันโด ซึ่งท่านก็เป็นนักแสดงด้วย แนะนำให้หนูลองไปแคสต์บทหนังใหญ่ เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวร ซึ่งสุดท้ายแคสต์ผ่าน จึงได้ประเดิมเล่นหนังเรื่องดังกล่าว ซึ่งก็เป็นหนังเรื่องแรกในชีวิต

"หลังจากนั้นหนูก็ได้รับโอกาสให้ทำงานในวงการบันเทิงเรื่อยๆมาเลยค่ะ อย่างเล่นหนังหลักๆเลยจะได้รับการทาบทามไปเล่นหนังแนวบู๊ๆหน่อย เพราะเราเองก็เป็นนักกีฬาสายต่อสู้มาก่อน รวมถึงยังได้โอกาสทำงานอีกมากมายหลายอย่างในวงการ ทั้งเล่นหนังเล่นละคร ถ่ายแบบ รวมไปถึงรีวิวสินค้า"

สำหรับงานในวงการ หญิงไม่เกี่ยงเลยค่ะ รับหมด ขอแค่ไม่โป๊เปลือยและไม่รับงานโฆษณาที่ผิดกฏหมาย ส่วนบทที่อยากเล่น สำหรับหนู นอกจากบทบู๊สายลุยที่ได้รับและมีโอกาสปะทะกับพี่ๆนักแสดงเก่งๆในวงการหลายๆท่านแล้ว ก็อยากจะลองบทดราม่าหรือบทร้ายดูบ้าง ก็คิดว่าน่าจะเป็นอะไรที่สนุกและท้าทายความสามารถของหญิงเหมือนกันค่ะ"

อดีตจอมเตะทีมชาติไทย ยังทิ้งท้ายด้วยว่า นอกจากงานวงการบันเทิงแล้ว งานหลักงานประจำที่ทำอยู่ก็คือการสอนเทควันโด โดยตอนนี้สอนอยู่ที่ SPS TAEKWONDO ของครอบครัว ซึ่งเร็วๆนี้ตนเองมีแพลนที่จะเปิดอีกหนึ่งสาขาที่เป็นโรงเรียนสอนเป็นของตัวเองอีกแห่งในปี 2567 นอกจากนี้ก็มีแผนจะลงทุนทำธุรกิจร้านกาแฟเป็นของตัวเองด้วยเช่นกัน