สสส.ปลื้มนักวิ่งหญิงร่วมโครงการ Woman Active Running ประสบความสำเร็จตามเป้า 6 สนามทั่วประเทศ จนถึงสนามสุดท้าย Umay+ Bangkok Midnight Marathon 2023 นำร่องเป็นต้นแบบยกระดับความปลอดภัยสำหรับนักวิ่งหญิงกว่า 5,000 คน ช่วยสร้างการรับรู้และความตระหนักเรื่องมาตรฐานของงานวิ่ง
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ผนึกกำลังเทศกาลงานวิ่ง Umay+ Bangkok Midnight Marathon 2023 นำร่องเป็นต้นแบบ จัดกิจกรรมส่งท้ายโครงการ "Ready to Move On : Woman Active Running" ส่งเสริม และยกระดับมาตรการ และมาตรฐานความปลอดภัยในการวิ่งสำหรับผู้หญิง เป็นสนามที่ 6 สนามสุดท้าย ณ ท้องสนามหลวง กรุงเทพ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 9-10 ธันวาคมที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จเข้าเป้าแผนยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับนักวิ่งผู้หญิงกว่า 5,000 คนทั่วประเทศ พร้อมขยายผลเชิงคุณภาพสู่กิจกรรมระดับประเทศต่อไปในอนาคต
โครงการ Ready to Move On : Woman Active Running เป็นกิจกรรมมุ่งเน้นสร้างพลังความร่วมมือขับเคลื่อนงานวิ่งสู่ต้นแบบมาตรฐานความปลอดภัยให้กับนักวิ่งหญิงทั่วประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยได้นำร่องใช้การแข่งขันวิ่ง 6 พื้นที่ใน 6 จังหวัด ประกอบด้วย ภูเก็ต, ชลบุรี, เชียงราย, ราชบุรี, อุบลราชธานี และกรุงเทพฯ สนามสุดท้ายในปี 2566 นี้ ภายใต้แนวทาง 3 actives 1.Active People 2.Active Society 3.Active Environment ที่เชื่อมโยงกับการออกกำลังกายที่เหมาะสมของผู้หญิงจากการ "เริ่ม" ที่ตัวเอง สู่การเผยแพร่เรื่องมาตรการความปลอดภัยของนักวิ่งหญิง และ "แสดงสิทธิ์" ในการสร้างเสริมสุขภาวะทางร่างกาย สร้างความสมดุลของชีวิต จัดสรรเวลาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
นางสาวคุณนิรมล ราศรี ผู้อำนวยการ สำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. (สำนัก 5) กล่าวว่า ในนามของ สสส. ต้องขอขอบคุณกรุงเทพมหานครและพันธมิตรผู้ร่วมจัดงานวิ่ง Umay+ Bangkok Midnight Marathon ที่ร่วมนำองค์ความรู้ของโครงการ "Ready to Move On : Woman ActiveRunning" ที่มุ่งเป้าสร้างมาตรการคุ้มครองในการจัดกิจกรรมเดิน วิ่ง ที่มีแนวทางสร้างความเข้าใจกับผู้จัดงานวิ่งทั่วประเทศ ยกระดับการสร้างความปลอดภัยให้กับนักวิ่งหญิงเป็นแนวนโยบายในการปฏิบัติทั่วไป สู่ต้นแบบมาตรฐานความปลอดภัยที่นักวิ่งหญิงควรได้รับการปฏิบัติอย่างมีเกียรติ และเท่าเทียมกับเพศอื่นๆ
"แนวทางปฏิบัติสำหรับนักวิ่งผู้หญิง 8 Safety ACTIVE Well 1.Sleep Well พักผ่อนเต็มที่ นอนอย่างน้อย 6 ชั่วโมง 2.Eat Well เลือกกินอาหารปลอดภัยและเหมาะสม 3.Drink Well ดื่มน้ำปริมาณที่เหมาะสมก่อนนอน และก่อนวิ่ง 4.Check Well ตรวจเช็คร่างกายก่อนลงแข่งขัน 5.Warm Up Well ยืดเหยียดและเพิ่มอุณหภูมิก่อนเริ่มวิ่งทุกครั้ง 6.Focus Well สร้างสมาธิ ไม่เร่งรีบจนเกินไป 7.Plan Well วางแผนร่วมกิจกรรมล่วงหน้า 8.Train Well ฝึกซ้อมก่อนลงแข่งขัน ทั้งนี้ ได้นำแนวทางปฏิบัติ 8 Safety Active Well นำร่องใช้ 6 พื้นที่ ใน 6 จังหวัด (ภูเก็ต, ชลบุรี, เชียงราย, ราชบุรี, อุบลราชธานี และกรุงเทพฯ) ในปีนี้"
นางสาวนิรมล กล่าวเพิ่มเติมว่า งานวิ่ง Bangkok Midnight Marathon นี้ ถือเป็นต้นแบบงานวิ่งมาราธอนมาตรฐานระดับประเทศ และนานาชาติของประเทศไทย สนามสุดท้าย ตลอดทุกสนามที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จในการจัดงานเป็นอย่างดี สามารถ Engagement การรับรู้รับทราบในเนื้อหาของโครงการ เพื่อประโยชน์เชิงคุณภาพไปยังกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี ตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงปัจจุบันได้มีผู้ให้ความสนใจ และตระหนักถึงโครงการเกือบหมื่นคนในระยะเวลาอันรวดเร็ว ในการร่วมสร้างความเข้าใจพันธกิจหลักของ Woman Active Running และเผยแพร่แนวทางปฏิบัติที่จะสร้างความตระหนัก และความตื่นตัวในสังคมไทยในการสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับผู้หญิง หรือนักวิ่งหญิงของเรา
"อยากจะเชิญทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายให้มีกิจกรรมทางกาย ออกมาเดินวิ่งร่วมกัน แต่ก็อยากให้คำนึงถึงความปลอดภัย และการเตรียมตัวก่อนที่เราจะออกวิ่ง ซึ่งก็อยากให้มีความพร้อม นอนให้พอ รู้ตัวเองว่าเราเหมาะกับระยะไหน เราซ้อมาดีมากน้อยแค่ไหน และอยากให้ครอบครัวออกมาออกกำลังกายร่วมกัน โดยในงานวิ่งต่างๆ ก็อยากจะให้เช็คดูก่อนว่าแต่ละงานมีความปลอดภัยแบบไหน ซึ่งตอนนี้เราจะเห็นได้ว่าในงานวิ่งจะมีโลโก้ Mass Sport Safety Label ที่แสดงให้เห็นว่างานวิ่งนั้นมีความปลอดภัยแค่ไหน มีการออกแบบงาน รวมทั้งมีแพทย์ และทีมที่คอยดูแลเรื่องความปลอดภัยในงานวิ่ง ทาง สสส.ก็ขอสนับสนุนให้ทุกๆ คนมาร่วมกันออกกำลังกาย และปลอดภัยด้วยนะคะ" นางสาวนิรมล กล่าว
ขณะที่ นางสาวภคอร เถลิงสกุล นักวิ่งสาววัย 15 ปี เปิดเผยว่า ความประทับของตัวเองในการวิ่งเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยเด็กที่ได้คลุกคลีกับงานวิ่ง พอโตขึ้นมาก็ลองมาวิ่งจนทำให้รู้ว่ามันดีต่อร่างกาย และจิตใจ ซึ่งตอนแรกที่เริ่มวิ่งก็ยากอยู่เหมือนกัน เพราะว่ารู้สึกเหนื่อย แต่พอมาวิ่งจริงๆแล้วไม่ได้เหนื่อยอย่างที่คิด เราเริ่มต้นจากการเดินก่อน พอเริ่มคุ้นเคยแล้วก็มาวิ่งต่อ การวิ่งทำให้เรารู้สึกมั่นใจขึ้นเยอะเลย เพราะช่วยให้น้ำหนักลดลง และเราได้ออกกำลังกายด้วย เป้าหมายก็อยากจะลดน้ำหนักลงอีกสัก 5 กิโลกรัม
"หนูเริ่มวิ่งตั้งแต่ตอน ป.6 เลยค่ะ ตอนนี้อยู่ ม.3 แล้ว ประมาณ 4 ปีแล้วที่ช่วยทำให้น้ำหนักลดลงเยอะเลย ก็อยากให้ทุกคนมาวิ่งด้วยกันนะคะ อาจจะเริ่มจากวิ่งไม่ต้องเร็วมากก็ได้ วิ่งช้าๆ ก็ได้ แล้วก็จะรู้สึกชินไปเอง ก็อยากให้ทุกคนออกมาวิ่งกันเยอะๆนะคะ เพราะว่ามันดีต่อร่างกาย และจิตใจค่ะ" นางสาวภคอร กล่าวปิดท้าย