เป้าหมายในชีวิตของแต่ละคนแตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่าสิ่งที่คิดอยู่ในมโนมุ่งมั่นที่จะทำอะไร? เพื่อเดินไปให้ถึงเป้าฝันที่ตั้งไว้ให้กลายเป็นจริง ในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยเรื่องราวความวุ่นวายมากมาย รวมไปถึงปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเราไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อม อาหารการกิน และวัยที่อาจมีผลต่อสิ่งต่างๆที่มุ่งพุ่งตรงเข้ามาหาที่บางครั้งเราอาจจะได้รับทั้งสุขหรือทุกข์
"ลุงเจี๊ยบ"ศุภโชค วินฉ้วน ชายหนุ่มวัย 70 ปีที่หลงใหลกับการวิ่งออกกำลังกายจากจุดเริ่มต้นอายุ 28 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านมาทุกเรื่องราวบนเส้นทางแห่งการผลิตเหงื่อให้เป็นความสุขนำสองเท้าควบทะยานไปให้ถึงปลายทางกับเป้าหมายที่ตัวเองตั้งไว้นั่นคือการเอาอกไปสัมผัสเส้นชัยด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้
ชอบออกกำลังกายตั้งแต่เด็ก
"ลุงเจี๊ยบ"ศุภโชค วินฉ้วน เกิดที่อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ครอบครัวของลุงเจี๊ยบถือว่าเป็นครอบครัวกีฬาตัวยงเพราะที่บ้านมีค่ายมวยมีคุณพ่อเป็นนักมวย ชีวิตวัยเด็กชื่นชอบกีฬาหลายๆชนิดไม่ว่าจะเป็น มวย,ฟุตบอล,ตะกร้อ ทุกวันมักเสพสุขกีฬาด้วยการขยายปอดถ่ายเม็ดเหงื่อออกมาบนผิวหนัวกับบรรดาเพื่อนๆทุกอย่างเต็มไปด้วยความสนุกสนานแต่ไม่ได้มุ่งหวังไปสู่ความเป็นเลิศขอเพียงได้ออกกำลังกายอย่างที่ชื่นชอบก็มีความสุข
2517 ฝากชีวิตในเมืองกรุง
พ.ศ.2517 "ลุงเจี๊ยบ" โบยบินจากจังหวัดตรังมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงฟ้าอมรกรุงเทพมหานครเพื่อเดินหน้าเลี้ยงชีพตัวเองด้วยหน้าที่การงาน แต่ด้วยความรักหลงใหลในการออกกำลังกายจึงหาพื้นที่ในการจัดสรรชีวิตให้ลงตัวโจทย์และคำตอบได้องศาไปจบที่การ "วิ่ง" แม้ว่าจะมีกีฬาตะกร้อมาพาวงติด
ทุกๆวันที่สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง จะใช้เวลาในการวิ่งทะยานพาตัวเองไปเผาผลาญส่วนเกินที่เกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตในเรื่องของอาหารวันละ 4-5 กิโลเมตร บวกกับเป็นการเสริมกล้ามเนื้อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดี ณ เวลานั้นไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าการออกกำลังกาย วิ่งเอง..สนุกเอง..เหงื่อออกเอง...สุขภาพดีเอง
10 กม.แรกในนามนักแข่ง
การทำอะไรซ้ำๆทุกๆวันกลายเป็นภูมิคุ้มกันที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับกล้ามเนื้อและจิตใจ "ลุงเจี๊ยบ" ตัดสินใจลงสมัครแข่งขันวิ่งครั้งแรกในรายการไทย-ซิกข์ พาหุรัด ลงแข่งขันในระยะทาง 10 กิโลเมตรใช้เงินสมัคร 150 บาทก้าวแรกที่เริ่มต้นผลงานที่ทำได้ ณ ตอนนั้นใช้เวลาไป 1 ชั่วโมง 10 นาที อันดับเกิน 40 แต่สิ่งที่ตามมาคือได้เรียนรู้ความสุขที่ตัวเองถวิลหานั่นคือการวางเป้าหมายสู่ความท้าทายในอนาคต พร้อมกับมุมมองที่จะต้องพัฒนาตัวเองการวิ่งก็เหมือนชีวิตจริงที่ต้องคอยสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบข้างว่าจะต้องทำอะไรบ้างให้ดีขึ้น
สะสมชั่วโมงบินยกระดับการแข่งขัน
จากระยะทาง 10 กิโลเมตรที่ลงทำการแข่งขันในครั้งแรก "ลุงเจี๊ยบ" เริ่มเปลี่ยนเส้นทางการวิ่งเพิ่มระยะให้มากขึ้นด้วยการลงแข่งขันในระดับฮาล์ฟมาราธอน 21 - 23 กิโลเมตรการไปแข่งขันในระยะทางที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวบวกกับการฝึกซ้อมที่ยังไม่ค่อยมีองค์ความรู้ในช่วงแรกเท่าไหร่ ถึงกับต้องพาร่างของตัวเองเดินเข้าเส้นชัยแบบอิดโรย พร้อมเปิดมุมมองอีกรอบว่าการวิ่งแข่งขันจะต้องพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น
ให้หลังไม่นานในปี 2544 "ลุงเจี๊ยบ" ลงแข่งขันกรุงเทพมาราธอนระยะทาง 42.195 กิโลเมตร ความหินและความยากของการลงแข่งขันคือเรื่องของระยะทางและการแบ่งจ่ายแรงในการวิ่งให้เกิดความสม่ำเสมอท้ายที่สุดใช้เวลาไปทั้งสิ้นในมาราธอนนั้น 5 ชั่วโมงเศษ ความสำเร็จในการติดอันดับท็อปเทนช่วงแรกๆดูจะห่างไกลเหลือเกินเพราะด้วยประสบการณ์รวมไปถึงองค์ประกอบอื่นๆยังต้องพยายามยกระดับตัวเองแต่ "ลุงเจี๊ยบ" สู้ไม่ถอยพร้อมไปให้ถึงเป้าหมายในอนาคตกลับมาซ้อม..ซ้อม..ซ้อมและก็..ซ้อม จนเมื่อถึงวัย 55 ปีก็เดินหน้าไปคว้าอันดับ 5ที่จังหวัดสมุทรสาครนั่นเป็นจุดเริ่มต้นการพิชิตอันดับของชายผู้ไม่ยอมแพ้
พิชิตเป้าหมายตัวเองบินแข่ง ตปท.
"ลุงเจี๊ยบ" หลังจากเริ่มมีอันดับที่ดีในการวิ่งทั้งในระดับมินิมาราธอน,ฮาล์ฟมาราธอน รวมไปถึงมาราธอน ก็เริ่มมองหาความท้าทายในการวิ่งแข่งขันจากที่เคยลงสมัครในช่วงเริ่มต้นในราคาสมัครที่ 100 ,150 ,250 บาท ก็ยกระดับตัวเองเก็บเงินบินไปวิ่งแข่งขันยังต่างแดนที่ประเทศเวียดนามและมาเลเซียในช่วงวัย 62 ปี แม้ว่าความสำเร็จต่างแดนอาจจะไม่เกิดขึ้น แต่ชัยชนะในใจที่เกิดขึ้นคือการออกไปสู้และทำตามฝันของตัวเอง ซึ่งการออกไปวิ่งแข่งขันต่างแดนมีรายละเอียดมากมายทั้งเรื่องของการเตรียมตัวเรื่องของการวางแผนที่สำคัญเรื่องของหัวใจที่พร้อมลุยออกไปเผชิญเพื่อพาตัวเองเข้าสู่เส้นชัยในวัยที่เกินพลังหนุ่ม
วิ่งเพื่อสุขภาพมีรางวัลตอบแทน
2 เท้าหนึ่งหัวใจที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นพา"ลุงเจี๊ยบ"ลากยาวการวิ่งทั้งชีวิตหลายร้อยรายการที่ลงทำการแข่งขันบางเดือนลงแข่งขัน 2-3 รอบตามสภาพร่างกายที่ผ่านการฝึกซ้อม ในสังเวียนการวิ่งทั้งหมด "ลุงเจี๊ยบ"ก้าวขึ้นไปบนโพเดียมคว้ารางวัลมา 200 กว่ารายการ มีทั้งเหรียญรางวัล,ถ้วยรางวัลและเงินรางวัลที่เป็นผลตอบแทนจากการฝึกฝนหนักในทุกๆวัน สิ่งที่"ลุงเจี๊ยบ"ภูมิใจที่สุดคือการเอาชนะใจตัวเองและพาตัวเองไปสู่เป้าหมายปลายทางที่ไม่คิดว่าชายในวัยนี้จะก้าวกระโดดไปยืนตรงจุดนี้อย่างต่อเนื่อง
กลายเป็นตัวเต็งรุ่นอายุ 60-69 ปี
ด้วยวัยที่มากขึ้นก็เริ่มลงทำการแข่งขันในรุ่นอายุของตัวเอง 60 - 69 ปี ในรายการฮาล์ฟมาราธอนแน่นอนว่าช่วงหลังๆการเอาอกเข้าไปปะทะเส้นชัยของ "ลุงเจี๊ยบ" ทำได้ดีอย่างยอดเยี่ยมรักษาอันดับอยู่ 1 ใน 5 ของการแข่งขันต่อเนื่องในหลายๆอีเวนต์ แต่ทุกครั้งในการแข่งขันทุกๆรายการหากลงแข่งขันในระยะทางเท่าไหร่จะต้องซ้อมให้มากกว่าระยะทางที่วิ่งจริงอย่างเช่นลงแข่งขัน 10 กิโลเมตร จะต้องฝึกซ้อมวันละ 15 กิโลเมตรทุกๆวันก่อนสัปดาห์แข่งขันจะเกิดขึ้น อีกทั้งยังมีการซ้อมสปีดระยะสั้นและเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองในการสปีดระยะสั้นด้วยการวิ่งลากยางรถยนต์ ผลงานล่าสุดในการแข่งขันคือการบุกไปวิ่งขึ้นเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ในรุ่นอายุ 60+ คว้าอันดับ 2 มาครองได้สำเร็จและอีกหนึ่งรายการอันดับ 2 หนองจอกมาราธอน
ลากนักวิ่งรุ่นลูก,หลาน เข้าเส้นชัย
ตลอดระยะเวลาที่ลงทำการแข่งขันในรายการต่างๆทั้งชีวิตผ่านเรื่องราวความสำเร็จและเป้าหมายที่วางไว้มากมาย แต่สิ่งที่ "ลุงเจี๊ยบ" ประทับใจมากๆในการตั้งใจเป็นนักวิ่งลงทำการแข่งขันรายการต่างๆคือการเอาชนะใจตัวเองและเป็นแบบอย่างสุขภาพให้กับคนอื่นๆมีหลายครั้งในการแข่งขันที่ช่วยประครองนักวิ่งรุ่นหนุ่มสาวเข้าเส้นชัย บางเวลานอกทัวร์นาเมนต์ไปเจอคนที่เคยร่วมแข่งขันก็เข้ามาทักทายในทำนองที่ว่า "ลุงจำผมได้หรือเปล่าวันนั้นถ้าไม่ได้ลุงลากเข้าเส้นผมคงไปไม่ถึงเป้าหมาย" ซึ่งมันเป็นโมเมนต์สำคัญที่เกิดความประทับใจในการร่วมพาคนอื่นๆไปให้ถึงเป้าหมาย หรือแม้กระทั่งการวิ่งแซงคนอื่นๆเข้าเส้นชัยรวมไปถึงการถูกแซงทุกอย่างอยู่ในความทรงจำทุกอย่างคือความประทับใจและกลายเป็นพลังใจในการลงสังเวียนแข่งขันต่อๆไป
มิตรภาพเหนือเป้าหมาย
การออกวิ่งแข่งขันในแต่ละทัวร์นาเมนต์ของ"ลุงเจี๊ยบ"คือสิ่งที่ชื่นชอบและหลงใหลคลั่งไคล้มาตลอดชีวิตแน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทางการแข่งขันการฝึกซ้อมรวมไปถึงการได้พบปะผู้คนหลากหลายทำให้มีมิตรภาพเกิดขึ้นระหว่างทางมากมายมันคือความสุขที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนคอเดียวกัน ณ วันนี้ "ลุงเจี๊ยบ" จะมีที่ฝึกซ้อมประจำอยู่แถวๆข้างสวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ รามอินทรา ที่วิ่งฝึกซ้อมรายล้อมไปด้วยธรรมชาติและบรรดาเพื่อนๆนักวิ่งหลายรุ่นที่มอบทรรศนะความสุขความเป็นกันเองในหลายๆมิติพื้นที่ตรงนี้จึงถูกเรียกขานว่า "ชมรมวิ่งดงกระถิน"
เป้าหมายต่อไป มาราธอน 70 ปี
"ลุงเจี๊ยบ" สร้างปรากฏการณ์การวิ่งเหนือขีดจำกัดในเรื่องของอายุด้วยการวางเป้าหมายของตัวเองพร้อมรายละเอียดในการฝึกซ้อม แน่นอนว่าในทุกๆวันการวิ่งคือหนึ่งกิจกรรมสำคัญในชีวิตวันไหนที่ขาดหายไปย่อมมีความหงุดหงิดเข้ามาเล่นงานบ้าง แต่การวิ่งของชายวัย 70 ปีรายนี้ (ปัจจุบันวิ่งเพช 5) ก็ได้ต่อต้านโรคร้ายมากมายไม่ให้เข้ามาแพร่งพรายในวัยที่ควรจะเป็น
สำหรับเป้าหมายในปีหน้าของ "ลุงเจี๊ยบ"ศุภโชค วินฉ้วน คือการลงแข่งขันวิ่งมาราธอนรุ่นอายุ 70 ปีนี่คือเป้าหมายสำคัญของเลขไมล์อายุหลักใหม่หลังจากนี้..