ปิดฉากศึกกรีฑาผู้สูงอายุชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ทัพไทยคว้าส่งท้าย 5 ทอง รวมผลงานทำได้ทั้งหมด 29 เหรียญทอง 21 เหรียญเงินและ 15 เหรียญทองแดง คว้าอันดับ 5 มาครอง ขณะที่ เจ้าเหรียญทองตกเป็นของ อินเดีย มี 66 เหรียญทอง
การแข่งขันกรีฑาผู้สูงอายุชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ครั้งที่ 22 ระหว่างวันที่ 7-12 พ.ย. 66 ที่เมืองคาลร์ก ประเทศฟิลิปปินส์ การแข่งขันครั้งนี้มีนักกีฬาจากชาติต่างๆ เข้าร่วมแข่งขันกว่า 20 ประเทศ ส่วนไทยส่งนักกรีฑาผู้อายุลงชิงชัยทั้งหมด 52 คน ทำผลงานคว้าเหรียญทองได้อย่างต่อเนื่อง และเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2566 เป็นวันสุดท้าย ไทยคว้าเพิ่มได้อีก 5 เหรียญทอง
โดยไฮไลท์อยู่ที่การแข่งขันในรุ่นอายุ 40-44 ปีชาย ไทยส่ง 4 ไต้ฝุ่นนำโดย ไม้ที่ 1 ศรศักดิ์ ขุนแก้ว ,ไม้ที่ 2 สุรเดช บุญลาภ ,ไม้ที่ 3 จิระพงษ์ เมฆเวียน และไม้ที่ 4 อภินันท์ สุขภัย อดีตไต้ฝุ่นทีมชาติไทย ที่เคยผ่านสังเวียนมหากรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2008 มาแล้ว และลงแข่งขันกรีฑาสูงอายุชิงชนะเลิศแห่งเอเชียเป็นครั้งแรก แต่ก่อนการแข่งขันมีปัญหากับทีมไทย เมื่อผู้ตัดสินแจ้งว่าไทยยืนผิดไม้ให้สลับตำแหน่ง ไม้ 1 สรศักดิ์ ไปยืนไม้ที่ 3 และ จิระพงษ์ มายืนไม้ 1 แต่ทางทีมไทยยืนยันว่ารายชื่อที่ส่งมาถูกต้องแล้วให้นักกีฬาสลับกลับตำแหน่งเดิม กว่าจะเข้าใจตรงกันเสียเวลาไปกว่า 10 นาที นักกีฬาไทยจึงกลับมายืนตำแหน่งเดิม
เมื่อสัญญาณปล่อยตัวเริ่มขึ้น สรศักดิ์ ออกบล็อกดี ขึ้นนำและส่งไม้ได้เป็นคนแรก ก่อนที่ สุรเดช จะสับต่อยืดระยะออกห่าง ส่งไม้ต่อให้ จิระพงษ์ ที่อัดไม่ยั้งก่อนจะต่อให้ไม้สุดท้าย อภินันท์ ที่วิ่งทิ้งห่างคู่แข่งจากฮ่องกงเข้าเส้นชัยคว้าเหรียญทองมาครองด้วยเวลา 44. 26 วินาที ส่วนเหรียญเงินตกเป็นของ ฮ่องกง 44.43 วินาที และเหรียญทองแดง ตกเป็นของเจ้าภาพ ฟิลิปินส์ สถิติ 49.31 วินาที
นอกจากนั้นไทยยังคว้าเหรียญทองได้จาก วิ่ง 10 กม. จาก วรรณพร เบเรนชอค ในรุ่นอายุ 60-64 ปีหญิง สถิติ 47.49.24 นาที เหรียญเงินตกเป็นของ ชาง เสี่ยว หลี่ ( จีน) 48.35.27 น. และเหรียญทองแดง ปาซูเรน ชาลซัน (มองโกเลีย) 53.47.17 น. รวมถึงสามารถคว้าเหรียญทองส่งท้ายการแข่งขันจาก วิ่ง 4x100 ม. หญิงรุ่น 65-69 ปีหญิง 4x100 ม. , 4x100ม .รุ่น 70-74 ปีหญิง และ 4x400 ม.หญิง รุ่นอายุ 65-69 ปี ส่งผลให้ไทยคว้าเหรียญมาได้ทั้งหมด 29 เหรียญทอง 21 เหรียญเงินและ 15 เหรียญทองแดง คว้าอันดับ 5 มาครอง
โดยเจ้าเหรียญทองตกเป็นของ อินเดีย มี 66 เหรียญทอง 59 เหรียญเงิน และ 79 เหรียญทองแดง ที่ 2 ญี่ปุ่น 53 เหรียญทอง 24 เหรียญเงิน และ 17 เหรียญทองแดง และที่ 3 เจ้าภาพฟิลิปปินส์ 41 เหรียญทอง 36 เหรียญเงิน และ 47 เหรียญทองแดง
ส่วนนักกีฬาไทยที่คว้าเหรียญทองมาครองได้มากที่สุดคือ คุณตาสว่าง จันทร์พราหมณ์ วัย 103 ปี คว้ามาได้ 4 ตามาด้วย "ป้าปาน" สมสง่า บุญนอก ดีกรีแชมป์โลก 2023 คว้ามา 4 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน คุณยายลักษณา พระลับรักษา วัย 84 ปีผู้หญิงที่อายุเยอะที่สุดของไทย คว้ามาได้ 3 เหรียญทอง คุณลุงวิชิต บัวทอง 3 เหรียญทอง และ "ป้าติ๋ม" ศิริพรรณ จันทร์พราหมณ์ ลูกสาวคุณตาสว่าง คว้ามา 3 เหรียญทอง
ด้านนายวิวัฒน์ วิกรานตโนรส นายกสมาคมกรีฑาผู้สูงอายุไทย เปิดเผยว่า "การแข่งขันครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ นักกีฬาทำเหรียญทองได้เกินเป้า เพราะก่อนมาแข่งขันตั้งเป้าไว้เพียงแค่ 20 เหรียญทอง แต่นักกีฬาทุ่มเทและตั้งใจกับการแข่งขันครั้งนี้มาก เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้ลงแข่งขันในนามของ นักกีฬาทีมชาติไทยผุ้สูงอายุ เพราะการกีฬาแห่งประเทศไทยให้การรับรองการส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันกรีฑาผู้สูงอายุชิงชนะเลิศแห่งเอเชียเป็นครั้งแรก"
สำหรับการแข่งขันในครั้งที่ 23 ซึ่งจะจัดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า จะแข่งที่เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย และในปีหน้า แต่ในปีหน้าจะมีการแข่งขันกีฬาอาวุโสแห่งชาติ ชิงแชมป์ประเทศไทย และไทยแลนด์โอเพ่น มาสเตอร์เกมส์ ซึ่งแต่ละชาติให้ความสนใจที่จะเข้าร่วมแข่งขันเป็นจำนวนมาก"