"สืบศักดิ์" แฉขบวนการหักหัวคิวเงินรางวัลแคมป์ตะกร้อไทย ยันปัจจุบันยังมีอยู่จริง

"สืบศักดิ์" แฉขบวนการหักหัวคิวเงินรางวัลแคมป์ตะกร้อไทย ยันปัจจุบันยังมีอยู่จริง
"โจ้ หลังเท้า" พ.ต.ท.สืบศักดิ์ ผันสืบ ตำนานจอมเสิร์ฟตะกร้อทีมชาติไทย พร้อมกับอดีตนักตะกร้อทีมชาติประกอบด้วย สุริยัน เป๊ะชาญ, พูลศักดิ์ เพิ่มทรัพย์ และ สมพร ใจสิงหล ยื่นหนังสือร้องเรียนการทำหน้าที่ของผู้จัดการทีมและผู้ฝึกสอนทีมชาติ ที่มีการเรียกรับเงินอัดฉีดของนักกีฬามาโดยตลอด พร้อมกับแฉว่าเอเชียนเกมส์ครั้งล่าสุด ทีมชาติโดนหักเงินอัดฉีด 3.3 ล้านบาท ส่วนทีมหญิงโดน 6.75 ล้านบาท

 จากกรณีที่ ธิดาวรรณ ดาวสกุล อดีตนักตะกร้อหญิงทีมชาติไทย ออกมาแฉเมื่อ 2 เดือนที่แล้วว่า ตนเองเคยโดนสต๊าฟฟ์โค้ชเรียกรับส่วนแบ่งจากเงินอัดฉีดของนักกีฬา เพื่อแลกกับการได้ลงแข่งขันประเภททีมเดี่ยวหญิง ในกีฬาเอเชียนเกมส์ 2010 เมื่อ 13 ปีที่แล้ว ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน จนกลายเป็นเรื่องดราม่าที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง

 ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันอังคาร ที่ 7 พ.ย.66 "โจ้ หลังเท้า" พ.ต.ท.สืบศักดิ์ ผันสืบ ตำนานนักตะกร้อทีมชาติไทยในตำแหน่งตัวเสิร์ฟ พร้อมด้วยอดีตทีมชาติรุ่นราวคราวเดียวกันได้แก่ สุริยัน เป๊ะชาญ, พูลศักดิ์ เพิ่มทรัพย์ และ สมพร ใจสิงหล ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนถึงสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย ที่บ้านอัมพวัน เพื่อขอให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของผู้จัดการทีมและผู้ฝึกสอน ที่เรียกรับเงินอัดฉีดของนักกีฬา พร้อมกับหอบหลักฐานที่เป็นเอกสารหลายหน้ามาโชว์ต่อสื่อมวลชนด้วย โดยมีนายบุญชัย หล่อพิพัฒน์ อุปนายกสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย เป็นตัวแทนในการรับเรื่อง

 ตำนานจอมเสิร์ฟหลังเท้าได้กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการบริหารสมาคม ได้มีนักกีฬาทีมชาติชุดปัจจุบันจำนวนไม่น้อย ได้ให้ข้อมูลกับตนในเรื่องนี้แบบเป็นความลับ เนื่องจากไม่กล้าเปิดเผยตัวเอง เพราะจะมีผลกระทบต่อการถูกเรียกตัวติดทีมชาติในรายการต่อไป  โดยเท่าที่ทราบข้อมูลเบื้องต้น จากผลงานคว้า 4 เหรียญทองในเอเชียนเกมส์ครั้งล่าสุดที่เมืองหางโจว ประเทศจีน สต๊าฟฟ์โค้ชได้เงินอัดฉีดจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติอยู่แล้ว 5.8 ล้านบาท ตามเงื่อนไข 20 เปอร์เซ็นต์ของนักกีฬา ส่วนนักกีฬาชายที่ทำผลงานคว้า 2 เหรียญทองในประเภททีมชุดและทีมเดี่ยวชายเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 34 ล้านบาท แบ่งเป็นประเภททีมชุดชาย 24 ล้านบาท (นักกีฬา 12 คนได้คนละ 2 ล้านบาท) และทีมเดี่ยวชาย 10 ล้านบาท (นักกีฬา 5 คนได้คนละ 2 ล้านบาท) ทว่ามีการหักเงินของนักกีฬาที่ลงแข่งขันทั้งทีมชุดและทีมเดี่ยวถึง ซึ่งแต่ละคนได้เพียง 2.1 ล้านบาทเท่านั้น แทนที่จะได้ 4 ล้านบาท โดยมีการอ้างว่าหักไปให้กับนักกีฬาที่ไม่ติดทีมชาติแต่มาช่วยซ้อมด้วย แต่เงินมันก็ยังหายไป 3.3 ล้านบาทอยู่ดี ส่วนทีมหญิงเงินอัดฉีดโดนหักถึง 6.75 ล้านบาทเลยทีเดียว

 พ.ต.ท.สืบศักดิ์ได้เผยอีกว่า การหักเงินจะมี 2 วิธี คือให้โอนเงินหักไปยังตัวพักเงิน ซึ่งเป็นอดีตนักกีฬาคนหนึ่ง ก่อนจะโอนให้ผู้ใหญ่คนหนึ่ง ส่วนอีกวิธีคือ ให้เบิกเงินสดมาทั้งหมดและไปนัดพบกันที่ร้านอาหาร และหักเงินกันตรงนั้น  ทั้งสองวิธีนั้นทำเพื่อไม่ให้มีหลักฐาน แต่ทุกวันนี้น้องนักกีฬาชุดปัจจุบันพร้อมให้ข้อมูล เพียงแต่ไม่มีใครกล้าจะพูด อันเนื่องจากกลัวมีผลต่อการติดทีมชาติในอนาคต โดยที่ผ่านมาคุณพ่อของ นิตินัดดา แก้วคำไสย์ อดีตนักตะกร้อหญิงทีมชาติไทยเคยออกมาพูดเรื่องนี้ สุดท้าย นิตินัดดา ไม่เคยถูกเรียกติดทีมชาติอีกเลย ขณะที่ พิกุล สีดำ อดีตทีมชาติหญิงอีกคน  เคยเรียกร้องความเป็นธรรม ก่อนจะโดนตัดชื่อออกจากทีมชาติ จนปัจจุบันต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการเก็บผลไม้ที่เกาหลีใต้

 พ.ต.ท.สืบศักดิ์ ผันสืบ ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้กำกับการจราจร สถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า "อยากให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบอย่างจริงจัง ปัญหานี้มันอยู่มานานนับสิบปี และอยากมีการยุติการแต่งตั้งคณะกรรมการทีมชาติไปก่อน เพื่อให้น้องๆได้พูด ให้ได้คำตอบภายใน 1 สัปดาห์  และตนอยากให้นักกีฬาทีมชาติชุดปัจจุบันให้กล้าออกมาพูด ตนเองช่วยได้เท่านี้ ถ้าไม่กล้าพูด เท่ากับสนับสนุนระบบนี้ให้คงอยู่ต่อไป และนักกีฬาในอดีตทุกคนควรจะได้รับเงินที่ควรจะเป็นของพวกเขาคืนด้วย"


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport