สปริงบ็อกส์ กีฬาสร้างชาติ

สปริงบ็อกส์ กีฬาสร้างชาติ
ควันหลังจากการแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลก 2023 ที่ฝรั่งเศส จบลงด้วยความยอดเยี่ยมของ "สปริงบ็อกส์" หรือแอฟริกาใต้ ที่เฉือน "ออลแบล็กส์" นิวซีแลนด์ อย่างหวุดหวิด 12-11

อย่างที่แฟนรักบี้ทราบดี...ก่อนแข่ง ฝรั่งเศสเจ้าภาพ "เต็งหนึ่ง" ตามด้วย แอฟริกาใต้, นิวซีแลนด์, ออสเตรเลีย พอเหลือสี่ทีมสุดท้าย "เต็งแชมป์" เป็น แอฟริกาใต้ 

ด้วยเพราะพวกเขาล้มเจ้าภาพรอบ 8 ทีม 29-28

ชนะอังกฤษรอบรองชนะเลิศก็เชือดหนึ่งแต้ม 16-15 ไล่ตามในครึ่งหลัง 12-6 แซงชนะอย่างสุดยอด  ตามด้วยการล้ม "ออลแบล็กส์" นัดชิงชนะเลิศ เฉือนอีกหนึ่งแต้ม 12-11  ก่อนได้ถ้วยเวบบ์ เอลลิส (คนคิดทัวร์นาเม้นต์นี้) ไปครอง

ทำให้ สปริงบ็อกส์ คว้าแชมป์โลกรักบี้ สมัย4!!! 

หลังคว้าแชมป์มีเรื่องให้เล่ามากมายครับ 

แชมป์โลกสมัย 4  มากสุดในประวัติศาสตร์ (1995,2007,2019,2023)

(ออลแบล็กส์ 3)

โดยเป็นการคว้าแชมป์บนแผ่นดินฝรั่งเศสครั้งที่สอง

ซียา โคลิซี กัปตันทีมคนแรกที่ชูถ้วย2 สมัยติด หลังจากเป็นกัปตันผิวสีคนแรกที่ชูถ้วยเวบบ์ เอลลิส เมื่อสี่ปีก่อน

กำหราบเจ้าภาพ,ปราบสิงโต, โค่น ออลแบล็กส์ 

โดย2 ครั้งแรกไม่ส่งทีมแข่งขันเพราะมีปัญหาเรื่องเหยียดผิว จนพลาดการร่วมแข่งขันเมื่อปี 1987,1991  กระนั้น...แอฟริกาใต้ ใน 8 ครั้งที่ร่วมการแข่งขัน ประกาศให้โลกรู้ว่าพวกเขาคือ "แชมป์โลก" ตัวจริง เพราะกวาดไป 4 จาก 8 ที่ลงแข่งขัน โดยสี่ครั้งนั้นเกิดจากการชนะ "ออลแบล็กส์" 2 และ อังกฤษ 2 ทำสถิติแชมป์ 100% จากการเข้าชิงชนะเลิศสี่ครั้งได้แชมป์ทั้งสี่ครั้งเลย

 อ้อ... "สปริงบ็อกส์"ฉายาของแอฟริกาใต้ มาจากสัตว์คู่บ้านคู่เมืองในภาษาแอฟริกัน "สปริง" กระโดด "บอค"  คือ "ละมั่ง" ฉายาของพวกเขาคือ ละมั่งชนิดหนึ่ง....นั่นเอง

ชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ของแอฟริกาใต้ในกีฬารักบี้ "กีฬาไพร่ที่ผู้ดีเล่น" เที่ยวนี้เป็นการยืนยัน "เรื่องราว" ทีสำคัญในสังคมประเทศที่ต่อสู้เรื่องการเหยียดผิว มานานจนก้าวข้ามมันไปได้อย่างงดงาม

ผมเคยเขียนเรื่องรักบี้ที่อิงจากหนังเรื่อง  Invictus ที่สร้างจากเรื่องจริง โดยกีฬาคือเครื่องมือในการหล่อหลอมรวมจากความขัดแย้งจากการเหยียดผิวของคนแอฟริกาใต้

 ผมเขียนลงในเพจ  Jackie เดิมที่โดนแฮ้กและไม่ได้ใช้แล้ว แต่ต้นฉบับของผมยังคงมีอยู่ในไฟล์งานของตัวเอง โดยเนื้อหานั้นเขียนเมื่อสี่ปีที่แล้ว หลังแอฟริกาใต้คว้าแชมป์โลกรักบี้สมัยที่ 3 มาครั้งนี้สมัยที่4 

ผมเลยขอคัดลอก ตัดตอนหลายย่อหน้า เพื่อมาลงให้อ่านกันเพลินๆอีกครั้ง

ถือว่าเป็นการเฉลิมฉลองการคว้าแชมป์โลกของประเทศที่สลายความขัดแย้งจนกลายเป็นความสามัคคีนำชาติไปสู่ความสำเร็จในเรื่องของกีฬา ชนิดที่ประเทศที่ไม่มีความขัดแย้งยังต้องยอมโค้งคารวะ

ลองอ่านกันดูครับ

กีฬาสร้างคน....คนสร้างชาติ มอตโต้อมตะนี้ไม่เคยล้าสมัยนะครับ

แม้ว่าโลกเปลี่ยนจากยุคอนาล็อค มาเป็น ดิจิทัล ความคิดคนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวล แต่วลีอันเป็นอมตะนี้ ยังทันสมัย สังเกตให้ดีนะครับ...ประเทศพัฒนาแล้ว เน้น "กีฬาสร้างคน และ คนสร้างชาติ"

กีฬาระดับสมัครเล่น ออกกำลังเพื่อสุขภาพไปจนถึงอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้

ให้กับสังคมมหาศาล

ประเทศด้อยพัฒนาและกำลังพัฒนาให้ความสำคัญเรื่อง "กีฬา" น้อย

อาจเป็นเพราะรากฐาน วิธีคิด วิถีของประเทศกลุ่มนี้ มองเรื่องอื่นสำคัญกว่า

และไม่เข้าใจว่า "กีฬาจะสร้างคน และคนสร้างชาติได้อย่างไร"

เป็นคำกล่าวที่ดูสวยงามตามตัวอักษรแต่ไม่สามารถนำมาปฏิบัติได้จริงในประเทศที่ด้อยพัฒนา อีกทั้งไม่สามารถเข้าถึงแก่นแท้ของกีฬา

แพ้ไม่เป็น เน้นชนะโดยไม่สนวิธีการและกติกา 

จริงๆแล้วกีฬา มีคณูปการต่อสังคมมากมาย

ขึ้นกับว่าใครจะนำมาใช้แล้วเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมได้มากกว่ากัน

ผมมองว่าประเทศแอฟริกาใต้...ใช้กีฬาเป็นเครื่องมือในการสร้างชาติครับ

อย่างที่ทราบกันดีนะครับว่าประเทศแอฟริกาใต้มีปัญหาเรื่องการ "เหยียดผิว"

สั่งสมมานาน คนผิวขาวกับผิวสี คนกลุ่มอื่น คือคนละชนชั้นกัน ไม่ต้องอรรถาอธิบายอะไรมาก แต่แล้ววันหนึ่งกีฬารักบี้ ทำให้เกิดการรวมชาติได้

โดยมีกีฬาเป็น "เครื่องมือ" นำไปสู่การละลายทัศนคติเรื่องแบ่งแยกเหยียดผิว

เกิดขึ้นเมื่อแอฟริกาใต้คว้าแชมป์โลกรักบี้ครั้งแรกปี 1995 

พวกเขาล้มเต็งแชมป์อย่างนิวซีแลนด์หรือ "ออลแบล็กส์" อย่างน่าทึ่ง

แน่นอนการคว้าแชมป์ครั้งนั้นมาจากพลังของคนทั้งชาติ ที่รวมชนชั้นวรรณะผิวพรรณอย่างลงตัว ทั้งที่เหยียดกันมานาน 

พวกเขาทำได้อย่างไร

ในการแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลกปี1995 นั้น ประเทศแอฟริกาใต้ รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพด้วยกุศโลบายของท่านประธานาธิบดี เนลสัน แมนเดลลา  ด้วยความหวังที่จะทำให้การเหยียดผิวลดน้อยลงให้มากที่สุดในสังคม ทำให้คนประเทศนี้มีความรักสมัครสมานสามัคคี กลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวให้ได้

ท่านมองว่า "กีฬา" นี่แหละมีโอกาสรวมใจคนทั้งแผ่นดิน

ทำไมท่าน แมนเดลลา มองแบบนั้น ทั้งที่ท่านไม่ใช่นักกีฬา

ใครเรียนประวัติศาสตร์และการเมืองโลกคงทะลุปรุโปร่งเรื่องนี้

ใครที่ไม่ทราบหรือพอทราบกันบ้าง ผมขอสรุปเอาให้ได้ใจความนะครับ

ท่านเนลสัน แมนเดลลา ผู้ล่วงลับไปแล้ว  โดนคนผิวขาวซึ่งเป็นชนชั้นปกครองจับขังคุกนานกว่าสองทศวรรต ด้วยเพราะการแบ่งแยกชนชั้นหรือ Apartheid (ภาษาอังกฤษแบบแอฟริกาใต้) จากคนกลุ่มน้อยซึ่งเป็นคนผิวขาวแต่มีอำนาจปกครองประเทศ โดยคนผิวพรรณอื่นๆ จะมีลำดับความสำคัญในสังคมลดหลั่นกันไป

ทั้งพวกเอเชียน, ผิวเหลือง, ผิวดำแบบแอฟริกัน 

ท่าน แมนเดลลา เป็นนักกฏหมาย, เป็นทนายความ , 

นักต่อสู้ และต่อต้านการแบ่งแยกชนชั้นและสีผิวในแอฟริกาใต้ 

ซึ่งการจัดระเบียบสังคมหลังสงครามโลกครั้งที่สอง (หลังปี1945) เป็นแบบนั้น

ท่านเข้าร่วมพรรคANC (African National Congress)

 ที่มีนโยบายต่อต้านการแบ่งชนชั้นและเหยียดผิวในแอฟริกาใต้ 

โดยคนผิวขาวหรือพวกขาวจัด (white supremacy)

ผมคงไม่ต้องเขียนต่อนะครับว่า...ทำไมท่านจึงโดนจับเข้าห้องขัง 

โดยท่านแมนเดลลา อยู่ในเรือนจำตั้งแต่ปี 1962 นานถึง 27 ปี!!!! ก่อนถูกปล่อยตัวออกมา จริงๆแล้วท่านโดนจำคุกตลอดชีวิต แต่ด้วยแรงกดดันจากนานาชาติ ที่มีต่อแอฟริกาใต้ ประเทศซึ่งมีปัญหาเรื่องเหยียดผิวแบ่งชนชั้นมากเกินไป ทำให้สุดท้ายแล้วท่านได้อิสระเสรีภาพ แล้วกลับเข้าสู่เวทีการเมือง ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหญ่ 

ท่าน (สังกัดพรรคANCตามเดิม)ได้รับคะแนนเสียงเอกฉันท์จากคนทั้งแผ่นดิน

ให้เป็นประธานาธิบดี แอฟริกาใต้เมื่อปี 1994 

ถ้าคิดแบบมนุษย์ ปุถุชนธรรมดาทั่วไป...ย่อมเก็บความเคียดแค้นเอาไว้ในใจ

เมื่อได้โอกาสเป็นผู้นำประเทศ ย่อม ล้างแค้นเอาคืน พวกผิวขาว ที่จับท่านขังคุก

แต่ท่าน....จิตใจสูงส่งยิ่งนัก ท่านมองว่านี่คือ "ปัญหา" ที่ต้องแก้ไข

เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย 

ท่านมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างประเทศแอฟริกาใต้ ให้เป็นปึกแผ่น คนทุกชนชั้นวรรณะ ต่างสีผิว อยู่ร่วมกันได้ ไอเดีย...ของท่านบังเกิดขึ้นในสนามกีฬาครับ

เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในการแข่งขันรักบี้ระหว่างแอฟริกาใต้กับอังกฤษ

ท่านสังเกตว่า...แฟนรักบี้ในสนาม(ส่วนใหญ่ผิวสี) ตะโกนเชียร์ทีมชาติอังกฤษ

ไม่เชียร์ทีมแอฟริกาใต้ นั่นแสดงให้เห็นว่า "การแบ่งแยก" ยังคงฝังลึกอยู่ในใจของผู้คน ท่านจึงตระหนักทันทีว่า "กีฬารักบี้" นี่แหละ สำคัญ ท่านจึงเดินเรื่อง พบปะกลุ่มคนผิวขาวระดับสูง รวมทั้งกัปตันทีมรักบี้ชุดนั้นคือ ฟรองซัวส์ พีนาร์ สร้างความเข้าใจในการรวมชาติผ่านเกมกีฬา โดยหาทางร่วมมือกับจัดการแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลกให้ได้

พีนาร์ ได้คุยกับท่านแมนเดลลา แล้วประทับใจ เห็นภาพนั้น ด้วยเพราะทั้งสองคนชื่นชอบกวีนิพนธ์ "Invictus" เหมือนกัน 

อีกทั้งวิสัยทัศน์ของท่าน แมนเดลลา คือการรวมชาติแอฟริกาใต้  ทุกฝ่ายเห็นชอบและร่วมมือกันทำงานใหญ่ระดับโลกแอฟริกาใต้จึงเป็นเจ้าภาพรักบี้ชิงแชมป์โลกปี 1995 โดยทีมสปริงบ็อกส์ ฝ่าฟันเข้าไปชิงชนะเลิศเจอตัวเต็งอย่างนิวซีแลนด์

แน่นอนว่า...แรงเชียร์ตอนนั้นเทใจมาอยู่กับทีมชาติตัวเอง 

นัดชิงชนะเลิศที่ เอลลิส พาร์ค ,กรุงโยฮันเนสเบิร์ก ท่ามกลางผู้ชม 63,000 คน

ท่าน แมนเดลลา สวมเสื้อทีมชาติแอฟริกาใต้ 

ทีมสปริงบ็อกส์ สู้กับ นิวซีแลนด์ อย่างสมศักดิ์ศรี ก่อนต่อเวลาชนะไป 15-12 จุด

ท่านแมนเดลลา มอบถ้วยแชมป์โลกให้กัปตันทีม ฟรองซัวส์ พีนาร์ (คนผิวขาว) 

ภาพนั้นคือสัญลักษณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการรวมสีผิวในแอฟริกาใต้

ภาพนั้นคือความสำเร็จจากการร่วมมือระหว่าง ท่าน แมนเดลลา (ผิวสี) และกัปตันทีม พีนาร์ คนผิวขาวและยังเป็นจุดเริ่มต้นต่อการสิ้นสุดในการแบ่งแยกชนชั้นและสีผิว หรือ Apartheid ของแอฟริกาใต้

หลังจากนั้น 20 ปี คลินต์ อีสต์วูด นำเรื่องนี้ราวจากหนังสือ Playing the Enemy ของ จอห์น คาร์ลิน ที่มีเรื่องราวท่าน แมนเดลลา กับ ทีมรักบี้แอฟริกาใต้  มาสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อ Invictus ออกฉายปี 2009

โดย มอร์แกน ฟรีแมนรับบทเป็นท่านเนลสัน แมนเดลลา

แมตต์ เดมอน คือกัปตันทีม ฟรองซัวส์ พีนาร์ ผู้ทระนงเย่อหยิ่งแบบคนผิวขาว

ได้สองดาราเจ้าบทบาทแถมพลอตเรื่องงดงามยิ่งนัก

ผมดูสามรอบละครับ...ใครชอบหนังแนวนี้ไปหาดูกันเอาเองนะครับ555

คิดดูขนาดชื่อหนังยังมีความหมาย 

Invictus ในภาษาละติน แปลว่า...ไม่อาจครองครองได้ หรือไม่สามารถพ่ายแพ้ได้

Invictus ยังเป็นกวีนิพนธ์ของอังกฤษที่ท่านเคยอ่านในระหว่างถูกขังคุก

ท่านประธานาธิบดี ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อปี 2013 

แต่คุณงามความดีของท่านยังคงเป็นอมตะ 

ถ้าเรามองว่าจากปี 1995  ฟรองซัวส์ พีนาร์ กัปตันทีมสปริงบ็อกส์

ผู้ชูถ้วยแชมป์รักบี้โลก คือคนผิวขาว

ภาพที่โยโกฮามา เมื่อต้นเดือนพ.ย. 2019  ยิ่งขาวสะอาดเมื่อ กัปตันทีมชาติแอฟริกาใต้ ที่ชูถ้วยแชมป์โลกสมัยที่สาม

คือ ซียา โคโลซี คนผิวสี!!!!

เหนือสิ่งอื่นใด....แก่นแท้ที่เป็นหัวใจจาก "ทีมรักบี้แอฟริกาใต้"

คงเป็นวาทะของกัปตัน ฟรองซัวส์ พีนาร์ ที่พูดก่อนนัดชิงชนะเลิศ

เมื่อทีม"สปริงบ็อกส์" ไปเยี่ยมเกาะ รอบเบน เรือนจำที่ท่าน แมนเดลลา ใช้ชีวิตในนั้นนานถึง 18ปี  (จาก27 ปี)

พีนาร์ บอกว่า "ท่านแมนเดลลา อาจใช้ชีวิตในห้องขังเล็กๆนานถึง 30 ปี

ก่อนออกมาพร้อมทั้งให้อภัยต่อคนที่จับท่านขังอยู่ในนั้น"

นั่นแหละครับ....ปรัชญาพื้นฐานการกีฬาที่สำคัญยิ่ง

รู้แพ้  รู้ชนะ รู้อภัย

เหมือนท่าน เนลสัน แมนเดลลา ที่ "ให้อภัย"

จนทำให้เกิดการรวมชาติแอฟริกาใต้ขึ้นมาได้ ด้วยกีฬารักบี้ และเป็นประเทศคว้าแชมป์รักบี้โลก4 สมัย จนได้รับการยอมรับว่าเก่งรักบี้ที่สุดในโลก อันเป็นผลพวงมาจาก...

กีฬาสร้างคน คนสร้างชาติ

JACKIE


ที่มาของภาพ : getty images
BY : JACKIE
อดิสรณ์ พึ่งยา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport