ความเคลื่อนไหวของทัพนักกีฬาพาราทีมชาติไทย ชุดทำศึก เอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ที่จะทำการชิงชัยกันระหว่างวันที่ 22-28 ต.ค.66 โดยเมื่อช่วงสายวันจันทร์ที่ 16 ต.ค.66 ทัพนักกีฬาคนพิการไทยได้ออกเดินทางจากท่าอากาศสุวรรณภูมิ ก่อนเดินทางถึงสาธารณรัฐประชาชนจีนในช่วงบ่ายวันเดียวกันเป็นที่เรียบร้อย
พลตรี โอสถ ภาวิไล เลขาธิการคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย ในฐานะหัวหน้าคณะนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย เผยว่า ช่วงนี้สภาพอากาศที่หางโจวจะเย็นกว่าที่เมืองไทย จึงขอให้นักกีฬาระมัดระวังเรื่องการดูแลสุขภาพร่างกาย หากมีอาการผิดปกติก็ให้รีบแจ้งต่อผู้ฝึกสอนหรือแพทย์ประจำทีมทันที และจากที่ได้เยี่ยมชมการฝึกซ้อมของนักกีฬาทั้งที่นครราชสีมา, สุพรรณบุรี, สระบุรี, ลพบุรี ก็เชื่อว่านักกีฬาทุกคนจะสู้อย่างเต็มที่ สามารถทำผลงานได้ดีเพื่อเป็นของขวัญให้กับชาวไทยทุกคน
ด้าน นายไมตรี คงเรือง เลขาธิการสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า นอกจากสภาพอากาศที่เย็นแล้ว เรื่องฝุ่นควันที่หางโจวก็เป็นอีกประเด็นที่ได้กำชับให้นักกีฬาต้องเตรียมตัวป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดอาการเจ็บป่วยก่อนแข่งขัน ซึ่งก็เป็นห่วงอยู่เรื่องนี้เรื่องเดียวสำหรับเอเชียนพาราเกมส์ครั้งนี้
ส่วน "เจ้ากร" พงศกร แปยอ เจ้าของ 4 เหรียญทองวีลแชร์เรซซิ่งในเอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 3 ที่อินโดนีเซีย กล่าวว่า เรื่องความพร้อมสภาพร่างกายไม่มีปัญหา เพราะได้เก็บตัวฝึกซ้อมมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เสร็จสิ้นพาราลิมปิกเกมส์ ที่กรุงโตเกียว จึงมั่นใจว่าจะทำผลงานได้ดี ส่วนคู่แข่งนั้นก็ยังไม่เห็นนักกีฬาเจ้าภาพ ก็หวั่นๆ อยู่บ้าง แต่ก็ยังตั้งเป้าจะป้องกันทุกเหรียญทองเอาไว้ได้
ขณะที่ "เจมส์" วรวุฒิ แสงอำภา นักกีฬาบอคเซียทีมชาติไทย กล่าวว่า ในเอเชียนพาราเกมส์ครั้งนี้ถือว่าค่อนข้างพร้อมเลยทีเดียวเนื่องจากซ้อมมาอย่างเต็มที่ ส่วนคู่แข่งสำคัญต้องบอกว่าทุกชาติเก่งเหมือนกันหมดที่จะลงมาแข่งขันในครั้งนี้ สำหรับถ้าหากชนะตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นความกดดันของตัวเอง ความกลัวของตัวเอง ก็น่าจะผ่านคู่แข่งหลายชาติได้สบาย โดยตั้งเป้าจะทำผลงานให้ดีที่สุด ตั้งเป้าติด 1 ใน 3 ให้ได้ แต่ก็ไม่อยากกดดันมากนัก แต่ก็ชื่อว่าทั้งประเภททีมและบุคคลน่าจะมีเหรียญอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ พิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 อย่างเป็นทางการ จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ ที่ 22 ตุลาคม 2566 และพิธีปิดการแข่งขันจะจัดขึ้นในวันเสาร์ ที่ 28 ตุลาคม 2566 ที่สนามหางโจว โอลิมปิก สปอร์ต เซ็นเตอร์ หรือสนามดอกบัวยักษ์ ที่จุผู้ชมได้กว่า 80,000 ที่นั่ง
สำหรับทัพนักกีฬาพาราไทย ประกอบด้วยนักกีฬาหญิง 121 คน นักกีฬาชาย 186 คน ผู้ฝึกสอน,แพทย์ประจำทีมและเจ้าหน้าที่ 184 คน รวมจำนวนทั้งสิ้น 491 คน จะลงชิงชัยใน "เอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4" ทั้งสิ้น 22 ชนิดกีฬา ดังนี้ ยิงธนู, กรีฑา, แบดมินตัน, บอคเซีย, เรือแคนู, หมากรุก, จักรยาน, ฟุตบอล 5 คน, หมากล้อม, โกลบอล, ยูโด, ลอนโบวล์ส, ยกน้ำหนัก, เรือพาย, ยิงปืน, วอลเลย์บอลนั่ง, ว่ายน้ำ, เทเบิลเทนนิส, เทควันโด, วีลแชร์บาสเกตบอล, วีลแชร์ฟันดาบ และวีลแชร์เทนนิส โดยเป้าหมายของทัพนักกีฬาไทย อยู่ที่การคว้า 29 เหรียญทอง (ผลงานครั้งก่อนปี 2018 คว้า 23 เหรียญทอง) เพื่อหวังติดอันดับ 1 ใน 7 ของการแข่งขันรอบนี้ให้ได้