เพาะกายไทยหวังทีมชาย-หญิง คว้า 10 ทองศึกชิงแชมป์เอเชีย

การประชุมครั้งนี้ เป็นการประชุมระเบียบและกฎกติกาการแข่งขันเพาะกายและฟิตเนสชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย 2023  ที่เมือง กาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล ระหว่างวันที่  4-6 ก.ย.66 โดยแบ่งรุ่นการแข่งขันทั้งหมด  45 รุ่นการแข่งขัน คือวันที่ 4 ก.ย. 2566 มี 16 รุ่นการแข่งขัน, วันที่ 5 ก.ย. 2566 มี 20 รุ่นการแข่งขัน, วันที่ 6 ก.ย. 2566 มี 9 รุ่นการแข่งขัน ซึ่งในวันสุดท้ายไฮไลต์จะอยู่ที่ประเภทแชมป์ออฟแชมป์ซึ่งจะนำนักกีฬาเพาะกายที่ชนะจากทั้งหมด 9 รุ่นการแข่งขัน มาทำการแข่งขันเพื่อหาคนที่กล้ามสวยที่สุด และได้รับตำแหน่งมิสเตอร์เอเชีย ใน 2023 

นอกจากนี้ในปีนี้ยังมีการเพิ่มรุ่นการแข่งขัน รุ่น สวิมมิง-ซูท (swimming suit) จะเป็นประเภทที่นักกีฬาหญิงใส่ชุดว่ายน้ำเต็มตัว  จะต้องเป็นนักกีฬาที่มีมัดกล้ามไม่ใหญ่และสามารถใส่ชุดว่ายน้ำได้สวยงาม จะได้รับแชมป์รุ่นนี้  เป็นการบรรจุเป็นครั้งแรก โดยไทยจะส่ง ศิริพร ศรช่วย และ พ.จ.อ.หญิง อาจารี แท่นทรัพย์ ลงแข่ง

นายศุกรีย์ สุภาวรีกุล เลขาธิการสหพันธ์เพาะกายและฟิตเนสแห่งเอเชีย ABBF เปิดเผยว่า สำหรับการประชุมครั้งนี้นอกจากเรื่องระเบียบการแข่งขัน  ฮ่องกง กับ ไต้หวัน มีปัญหาการเดินทางล่าช้าเนื่องจากเจอพายุไต้ฝุ่น และเรื่องการเตรียมความพร้อมของเจ้าภาพจัดการแข่งขันเพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์โลกครั้งที่ 14 ที่จะมีขึ้นที่เมือง วอนจู ประเทศกาหลีใต้  จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 6-12 พ.ย. 2566 ส่วนเรื่องความพร้อมของนักกีฬาไทยในครั้งนี้ก็ถือว่าพร้อมมาก ซึ่งตนตั้งเป้าเอาไว้ 10 เหรียญทอง โดยต้องติดท็อป 3 ทั้งชายและหญิง 

"ส่วนในวันที่ 3 ก.ย.66 นั้นจะเป็นการประชุมใหญ่สหพันธ์เพาะกายและฟิตเนสแห่งเอเชีย โดยวาระสำคัญอยู่ที่การเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสหพันธ์เพาะกายและฟิตเนสแห่งเอเชียประจำปี 2023-2027 และการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเพาะกายและฟิตเนสชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ครั้งต่อไป  ที่ประชุมจะมีการพิจารณาว่าจะเลือกชาติไหนเป็นเจ้าภาพ