ทั้งนี้ พลเอกวิสุทธิ์ เดชสกุล ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงความเป็นมา ก่อนที่ไทยจะได้รับเลือก จากสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันยกน้ำหนักเวิลด์ คัพ 2024 ระหว่างวันที่ 31 มี.ค.-11 เม.ย. 2567 ที่จ.ภูเก็ต และประโยชน์ต่างๆที่ไทยจะได้รับ รวมทั้ง ได้แจ้งถึงแนวทางการทำงาน Welcome Concept (3S) กับ Competition Concept ที่เน้น Clean Sport และ สโลแกนของการแข่งขัน คือ Strong Smile Service Mind หรือ "เข้มแข็ง เป็นมิตร จิตบริการ"

คณะอนุกรรมการ ได้ระบุว่า การแข่งขัน จะเริ่มก่อนเทศกาลสงกรานต์ จะมีการนำเทศกาลมาผนวกกับการแข่งขัน รวมถึงชี้แจงความพร้อมของโรงแรมในภูเก็ต ที่จะใช้รองรับ คณะกรรมการบริหารของสหพันธ์ฯ ตลอดจนผู้ร่วมแข่งขัน ขณะที่สถาบันราชภัฏภูเก็ต ซึ่งเป็นสถานที่จัดการแข่งขัน มีความพร้อมเป็นอย่างดี และ วางรูปแบบตามข้อกำหนดของสหพันธ์ฯ อย่างเคร่งครัด 

ขณะเดียวกัน สหพันธ์ฯ ยังได้เน้นเรื่องการต่อต้านการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา จึงจะมีการออกบูธ พร้อมประชาสัมพันธ์อย่างเข้มข้นในทุกช่องทาง ส่วนมาตรการโควิด จะรออัพเดทตามสถานการณ์ และจะมีการรับสมัครอาสาสมัครนักศึกษาในพื้นที่มาช่วยงานด้วย 

สำหรับแนวทางการประชาสัมพันธ์ จะมีการเชื่อมโยงกับทุกภาคส่วน เพื่อให้การแข่งขันครั้งนี้ เป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยม ซึ่ง กรมประชาสัมพันธ์ แจ้งว่า มีหน่วยสนับสนุน คือ สำนักพัฒนาการประชาสัมพันธ์ ส่วนในพื้นที่มี สำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 ดูแลสื่อวิทยุและโทรทัศน์ จะช่วยประสานกับสื่อมวลชนในพื้นที่ต่อไป 

โดยประเด็นหลัก ที่คณะอนุกรรมการฯ ได้มีการหารือ จะมีการประชาสัมพันธ์ในทุกๆช่องทาง ทั้งในรูปแบบออนไลน์ และ ออฟไลน์ อย่างทั่วถึง โดยจะแจ้งให้ประชาชน และแฟนกีฬาที่สนใจ ได้ทราบถึง กำหนดการแข่งขัน ความสำคัญของการแข่งขัน ที่จะเป็นการเก็บคะแนนสะสมรายการสุดท้าย เพื่อเฟ้นหานักกีฬาไปโอลิมปิก ปารีส 2024 เป็นต้น ส่วนเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการแข่งขัน จะมีการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย เชิญชวนรับประทานอาหารขึ้นชื่อ สนับสนุนการท่องเที่ยว และให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วม ควบคู่กันไป 

ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ และสื่อมวลชน คณะกรรมการดำเนินการจัดการแข่งขันยกน้ำหนัก เวิลด์ คัพ 2024 จะมีการประชุม เพื่อติดตามการทำงานอีกครั้ง วันที่ 6 ก.ย. 66