นายศุกรีย์ สุภาวรีกุล นายกสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึง การที่ทางสมาคมฯ ส่งนักกีฬาไปแข่งขันในศึกเพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 17 ที่เมืองบาตัม ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งหลังจบการชิงชัย ทัพนักกีฬาเพาะกายไทย คว้ามาได้ 6 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน และ 4 เหรียญทองแดง โดยถึงแม้จะไม่ได้ตามเป้าหมาย ที่ตั้งไว้ 7 เหรียญทองก็ตาม ก็ถือว่านักเพาะกายของไทยทำผลงานได้ดี

นายศุกรีย์ กล่าวต่อไปว่า รายการนี้ จัดขึ้นมาทดแทนการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา ซึ่งเจ้าภาพ ได้ตัดกีฬาเพาะกายออก แต่เพื่อการพัฒนาของชาติต่างๆในอาเซียน จึงได้จัดรายการนี้ ขึ้นมาแทน ซึ่งรายการนี้จะมีแข่งขันเป็นประจำทุกๆปี ในช่วงที่ไม่มีการแข่งขันซีเกมส์ สำหรับนักกีฬาเพาะกายของไทย แต่ละประเภททำผลงานได้ดี ไม่ว่าจะเป็น ประเภทเพาะกายชาย, โมเดลฟิสิคหญิง, แอธเลติกฟิสิคชาย-หญิง, สปอร์ตฟิสิคชาย และถึงแม้ว่านักกีฬาบางคนเพิ่งติดทีมชาติเป็นครั้งแรกก็ตาม แต่ละคนต่างทำผลงานได้ดี บางคนก็มีพัฒนาการที่ดีมากๆ 

"นอกจากนี้ ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสหพันธ์กีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีวาระสำคัญคือ การเลือกตั้ง ประธานสหพันธ์ฯ ปรากฏว่า นายภูมิวรินทร์ ชุณหะวงษ์วริศ ที่ปรึกษาสมาคมฯ ยังได้รับความไว้วางใจจากชาติสมาชิกในอาเซียน ลงคะแนนเสียงเลือกให้เป็นประธานสหพันธ์กีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นสมัยที่ 2 แบบท้วมท้นด้วย ส่วนรายการต่อไป ที่ทางสมาคมฯ จะส่งนักกีฬาไปแข่งขัน ได้แก่ ชิงแชมป์เอเชีย ที่เนปาล ในระหว่างวันที่ 1-7 ก.ย.นี้ ซึ่งคาดว่านักเพาะกายของไทยจะทำผลงานได้ดีคว้าเหรียญทองได้ตามเป้าหมายที่ทางสมาคมฯ ตั้งไว้ และสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยไม่แพ้ทุกรายการที่ทางสมาคมฯส่งนักกีฬาไปแข่งขัน"