ล่าสุด นายประชุม เปิดเผยว่า จากการที่คณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย เป็นผู้ว่าจ้างให้บริษัท มิราม่า ซึ่งเป็นบริษัท เอเจนซี่ ที่ไปว่าจ้างสายการบินหลันเหมยแอร์ไลน์ ของประเทศจีน ปรากฎว่า ขามาเป็นเครื่องบินลำเล็ก ทำให้กระเป๋าและสัมภาระไม่ได้มาพร้อมกับนักกีฬา เราจึงเชิญผู้เกี่ยวข้องเข้ามาหารือให้ได้ข้อสรุปตามข้อเสนอของเรา ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่าจะต้องเพิ่มเที่ยวบิน ซึ่งสายการบินตกลงจะเพิ่มเที่ยวบินให้ในวันที่ 9 มิ.ย.66 เพื่อจะขนสัมภาระ วีลแชร์ ของนักกีฬาที่ไม่จำเป็นไปก่อน ซึ่งทางสายการบินจะรับผิดชอบเป็นผู้มาขนสัมภาระจากหมู่บ้านนักกีฬาไป เพื่อนำไปโหลดส่งไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิล่วงหน้า ส่วนวันที่ 10 มิ.ย.66 ซึ่งเป็นวันเดินทางกลับของนักกีฬา ก็จะบิน 3 ไฟลต์เหมือนเดิม ซึ่งเมื่อไปถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก็จะสามารถไปรับกระเป๋าได้ทันที นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำเรื่องความสะดวกของนักกีฬาเป็นหลัก เพราะนักกีฬาคนพิการจะต้องได้รับความดูแลเป็นพิเศษ และได้ย้ำเรื่องอาหารและน้ำดื่มบนเครื่องให้นักกีฬาได้ทานระหว่างเดินทาง

"อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ได้เตรียมแผนสำรองไว้ว่าหากสายการบินหลันเหมยแอร์ไลน์ ทำตามข้อเรียกร้องไม่ได้ก็จะไปใช้สายการบินเดิม แต่ทว่าเมื่อสายการบินทำตามข้อเสนอของเราได้ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสายการบินแต่อย่างใด อีกทั้งทางสายการบินหลันเหมยแอร์ไลน์ได้ส่งหนังสือยืนยันมาแล้วว่าสามารถทำได้ตามข้อเรียกร้องเรียบร้อยแล้ว ซึ่งที่ประชุม กกท. ได้เชิญผู้แทน คณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย และ ผู้แทนทั้ง 5 สมาคมกีฬาคนพิการเข้ามาร่วมพูดคุยและทุกสมาคมก็ยอมรับตามข้อตกลง" นายประชุมกล่าว

รองผู้ว่าการ กกท. กล่าวปิดท้ายว่า การพูดคุยกินเวลานานถึง 2 วัน เนื่องจากติดตรงที่ บริษัท มิราม่าเซอร์วิส(ประเทศไทย) ซึ่งเป็นผู้ลงนามในสัญญากับ คณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย ได้ไปว่าจ้างสายการบินหลันเหมยแอร์ไลน์ ซึ่งมีเครื่องบินเพียง 2 ลำ โดยเรายืนยันว่าจะต้องเพิ่มให้เรา เป็น 3 ลำ และต้องเพิ่มขนาดเครื่องเป็น แอร์บัส A321 ซึ่งด้วยศักยภาพของเขาทำให้เขาต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา