คณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริง ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก "บิ๊กก้อง" ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท. ให้ตรวจสอบการทำงานของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ หลังมีผู้ร้องทุกข์เข้ามา ว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฎิบัติงานของกองทุนฯ ทำหนังสือเร่งรัดไปยังผู้จัดการกองทุนฯ ให้รีบส่งข้อมูลชี้แจงในประเด็นต่าง ๆ กลับมายังคณะทำงาน ภายในวันที่ 28 ก.พ.นี้ หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว คณะทำงาน จะเดินหน้าสรุปผลการแสวงหาข้อเท็จจริง ตามข้อมูลที่มีอยู่ ต่อไป
จากกรณี มีผู้ร้องทุกข์ ทำหนังสือ ถึงผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ลงวันที่ 30 พ.ย 65 กรณีได้รับผลกระทบจากการปฎิบัติหน้าที่ของผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ขอให้ผู้ว่าการกกท. ดำเนินการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อร้องเรียน และ ทาง กกท. โดย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท. ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้ ลงเลขรับ 23296 วันที่ 7 ธ.ค.65 ต่อมา ดร.ก้องศักด ยอดมณี ยืนยันว่า กระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริงในครั้งนี้ จะทำอย่างตรงไปตรงมา และจริงจัง เพราะข่าวที่ออกไป กระทบต่อภาพลักษณ์ ของทั้ง กกท. และกองทุนฯ
โดยขั้นตอนแสวงหาข้อเท็จจริง อยู่ระหว่างดำเนินการ และเมื่อได้ผลออกมาเป็นเช่นไร กกท. ยืนยันว่า จะแถลงให้สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ได้รับทราบโดยทั่วกัน พร้อมกับทำสรุปส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งให้ความสนใจในเรื่องนี้ ด้วยการส่งทีมงานมาสอบถามถึงกกท. ผ่านไปทาง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานบอร์ดกองทุนฯ ได้รับทราบทันที ด้วย
ทั้งนี้ คณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริง ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท. มี นายมนตรี ไชยพันธุ์ เป็นประธานคณะทำงาน พร้อมด้วย นายสมพร ไชยสงคราม เป็นคณะทำงานและเลขานุการ, นายวิษณุ ไล่ชะพิษ และ นายเดชาวุฒิ บุญสนอง เป็นคณะทำงาน ได้มีการประชุมกันมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมๆ กับตีกรอบการทำงานให้กระชับขึ้น ซึ่งจากข้อพิจารณาทั้งหมด คณะทำงานยังเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้อง เข้ามาชี้แจงและหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกร้องมากที่สุด ก่อนจะมีการพิจารณา ซึ่งในขั้นตอนนี้ ยังไม่ถือว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นแต่อย่างใด
ล่าสุดเมื่อ 25 ก.พ. 66 "บิ๊กก้อง" ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท. เปิดเผยว่า หลังจากคณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริง ได้ให้โอกาส โดยรอเอกสารชี้แจงในประเด็นต่างๆ จากทางผู้จัดการกองทุนฯ มาระยะหนึ่งแล้ว เห็นว่าเวลาผ่านไปพอสมควร ก็ยังไม่มีการส่งเอกสารชี้แจงใด ๆ มายังคณะทำงาน จึงได้มีการทำหนังสือเร่งรัดไปอีกครั้ง ให้รีบส่งข้อมูลชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกลับมายังคณะทำงาน ภายในวันที่ 28 ก.พ. 66 หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว คณะทำงาน จะเดินหน้าสรุปผลการแสวงหาข้อเท็จจริง ตามข้อมูลที่มีอยู่ ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดิมที คณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงของกกท. มีกำหนดที่จะส่งสรุปผลการแสวงหาข้อเท็จจริง กลับมายัง ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท. วันที่ 14 ก.พ.66 แต่ก็ยังเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้อง ได้มีเวลาส่งเอกสารชี้แจงมาเพิ่มเติม ก่อนวันที่ 20 ก.พ. 66 ทว่าเมื่อถึงเวลา ก็ยังไม่มีการส่งเอกสารชี้แจงใดๆ กลับมา จึงได้มีการส่งหนังสือเร่งรัด ให้รีบส่งเอกสารชี้แจง ก่อนวันที่ 28 ก.พ.66 ดังกล่าว
รายงานข่าวยังระบุก่อนหน้านี้ด้วยว่า จากที่ผู้ร้องร้องเรียนการทำงานของกองทุนฯ เข้ามาทั้งหมด 11 ข้อ คณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริง ได้ตีกรอบการทำงานให้กระชับขึ้น โดยเหลือการพิจารณาใน 7 ประเด็น ได้แก่ เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน นำบุตรและเครือญาติ มาทำงานในองค์กรเดียวกัน ซึ่งเน้นไปที่กองทุนฯ, ใช้งบประมาณผิดประเภท ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เช่น การจัดสรรงบประมาณให้กับอิฟม่า, สั่งเปลี่ยนแปลงวิธีการเบิกจ่ายงบประมาณ SOP
นอกจากนี้ยังมีประเด็น ไม่ทำงานตามสัญญาจ้าง เดินทางไม่ขออนุญาต และไปทำงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง, ออกหนังสือเชิญประชุมโดยไม่มีอำนาจ, มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กรที่ตนเองเคยก่อตั้งและดำรงตำแหน่งก่อนมารับตำแหน่งผู้จัดการกองทุนฯ และ จัดกีฬามวยไทย กีฬาคิกบ็อกซิ่ง โดยใช้เงินจำนวนมหาศาล ซึ่งขัดแย้งกับระเบียบกองทุนฯ และงบประมาณหลายรายการไม่มีที่มาที่ไป