"บิ๊กอ๊อด" เป็นปากเป็นเสียงให้สมาคมกีฬา ทวงถามข้อแคลงใจให้สมาคมกีฬา ปมได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติไม่ครบตามแผนที่ขอไป แถมยังถูกตัด ส่งผลต่อแผนการจัดกิจกรรม การส่งนักกีฬาแข่งขันระดับนานาชาติ และกระทบต่อการพัฒนาและเสียสิทธิ์ต่างๆตามมา ในขณะที่บางสมาคมกลับได้รับสนับสนุนเต็มที่ ดร.สุปราณี ผู้จัดการกองทุนฯ แจงหน้าที่พิจารณา ตัดลดเงินไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของตนเอง แต่เป็นดุลพินิจของบอร์ดกองทุนฯ ยันไม่เคยใช้เงินกองทุนฯผิดวัตถุประสงค์ ไม่เคยอนุมัติเงินให้ "อิฟม่า" ตามที่มีการนำเสนอข่าว เพราะการกระทำดังกล่าวผิดกฎและขัดต่อระเบียบกองทุนฯชัดเจนอยู่แล้ว ขณะที่ "บิ๊กป้อม" รับทราบปัญหาแล้ว สั่งผู้ที่เกี่ยวข้องและมีอำนาจหน้าที่ เสาะหาข้อเท็จจริงจากประเด็นต่างๆที่มีการร้องเรียนเข้ามา พร้อมสั่งการกองทุนฯ และกกท. ต้องเบิกจ่ายงบกระมาณอย่างโปร่งใส เท่าเทียมและเป็นธรรมให้กับทุกๆสมาคมกีฬา
พลเอก ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานกิตติมศักดิ์คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ได้ออกมาแสดงความห่วงใยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการกีฬาไทยในช่วงที่ผ่านมา ผ่านที่ประชุมคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย เมื่อวานก่อน โดยแสดงความกังวลใจทั้งเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า รวมไปถึงการไม่ได้รับการสนับสนุนในเรื่องงบประมาณส่งเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ จากการกีฬาแห่งประเทศไทย และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ซึ่งเป็นเหตุให้นายกสมาคมกีฬาหลายๆสมาคมต้องนำเงินส่วนตัวมาใช้สำรอง ออกค่าใช้จ่ายเองไปก่อน
พลเอก ยุทธศักดิ์ เผยว่า เรื่องดังกล่าว ทำให้หลายสมาคม ขาดความมั่นใจว่าในปี 2566 จะได้รับการสนับสนุนเงินจากกกท.และกองทุนฯหรือไม่ และมากน้อยเท่าใด จึงไม่กล้าเสนอตัวในการเป็นเจ้าภาพแข่งขัน รวมถึงไม่ได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมชิงชัยในระดับนานาชาติหลายๆรายการ แต่กลับมีบางสมาคมได้รับการสนับสนุนงบหลายรายการ จนหลายสมาคมแคลงใจ และมองว่าเป็นการกระทำที่เลือกปฎิบัติและไม่เป็นธรรม ซึ่งการที่นักกีฬาไม่ได้ร่วมแข่งขันในระดับนานาชาติ ก็นับว่าส่งผลกับการจัดอันดับคะแนนสะสมโลกของนักกีฬา ส่งผลต่อสิทธิ์ในการเข้าร่วมมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติ รวมถึงบรรดาดาวรุ่งก็จะขาดโอกาสลงแข่งขันเพื่อสร้างเสริมประสบการณ์
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่สหพันธ์มวยไทยนานาชาติ (อิฟม่า) ได้รับการสนับสนุนเงินจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ โดยมีการเสนอเงิน จำนวน 270 กว่าล้านบาทในปีที่แล้ว และปีนี้ขอรับการสนับสนุนอีก 300 ล้านบาท ซึ่งก็นับว่าขัดต่อวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ เพราะผู้ใช้เงินเป็นสหพันธ์กีฬา ซึ่งไม่ใช่ผู้ที่มีสิทธิ์ใช้เงิน เรื่องนี้สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยหลายๆสมาคม เกิดความแคลงใจเป็นอย่างมาก และอยากให้มีการชี้แจวในประเด็นนี้ พลเอก ยุทธศักดิ์ กล่าว
ด้าน ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ได้เปิดเผยว่า สำหรับเรื่องการเบิกจ่ายล่าช้านั้น ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมานั้นเกิดปัญหาจริง เนื่องจากเปลี่ยนมีการเปลี่ยนระบบใหม่ แต่ก็ได้มีการแก้ไข เพื่อให้การเบิกจ่ายนั้นกลับมามีประสิทธิภาพ ส่วนการได้รับครบหรือไม่ครบตามจำนวนที่ยื่นขอมานั้น อำนาจหน้าที่ในการพิจารณาให้มากน้อยเพียงใด อยู่ที่คณะกรรมการบอร์ดกองทุนฯในการพิจารณา ซึ่งก็ต้องยอมรับด้วยว่าในปีที่ผ่านมามีการของบเพื่อใช้ดำเนินกิจกรรมต่างๆเกินกว่าที่มีในคลังที่มีอยู่ราวๆ 4 พันล้านบาท ซึ่งมีการขอเข้ามามากกว่า 1 หมื่นล้านบาท
"ส่วนเรื่องที่กองทุนฯ ใช้จ่ายผิดหลังวัตถุประสงค์ โดยมีการอ้างว่าได้จ่ายเงินให้กับอิฟม่าเพื่อใช้ในการทำกิจกรรมต่างๆกว่า 500 ล้านบาทนั้น ขอยืนยันว่าไม่เคยมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เพราะพรบ.นั้นเขียนชัดว่า ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับเงินสนับสนุนนั้น คือ สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย และตนก็ไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ในการตัดสินใจ แต่เป็นเพียงผู้ที่นำเสนอการขอรับการสนับสนุนจากบอร์ดกองทุนฯเท่านั้น”
ส่วน พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานโอลิมปิคแห่งประเทศไทย และประธานคณะกรรมกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตนได้รับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว และก็รู้สึกไม่สบายใจที่เกิดเรื่องร้องเรียน เกิดเรื่องขัดแย้ง ซึ่งตนอยากให้ทุกๆฝ่ายได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณอย่าง
เท่าเทียมกันและได้ในสิทธิพิเศษเหมือนๆกัน ส่วนข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ตอนนี้ได้มีทีมคณะกรรมการสอบสวนอยู่ คงจะได้ทราบกันเร็วๆนี้และถ้าใครที่มีข้อมูลข้อเท็จจริงก็ขอให้ยื่นเรื่อง นำเสนอมาที่ตนเอง
เพื่อแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพื่อเดินหน้าวงการกีฬาไทยต่อไป