ผจก.กองทุนพัฒนากีฬาชาติฯแจงดราม่าเบิกจ่ายเงินถึงสมาคมกีฬาฯล่าช้า

ผจก.กองทุนพัฒนากีฬาชาติฯแจงดราม่าเบิกจ่ายเงินถึงสมาคมกีฬาฯล่าช้า
กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ แจงขั้นตอน ระเบียบการยื่นขอเงินสนับสนุนและการเบิกจ่ายตามประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนฯ แจงปัญหาเงินค้างท่อที่ไปถึงสมาคมฯต่างๆล่าช้า และไม่ครบเพราะโดนถูกตัดขึ้นอยู่กับกกท.เป็นผู้พิจารณา โดยกองทุนฯจะมีคลังกองทุนฯ ซึ่งเป็นฝ่ายการเงิน ที่อยู่ภายใต้การกำกับของกกท. เบิกจ่ายเงินกองทุนฯไปยังสมาคม โดยผู้ว่าฯ กกท. เป็นผู้มีอำนาจในการทำเบิก-จ่ายระบุที่่ผ่านมาสมาคมกีฬาต่างๆยื่นของบต่อกกท.รวมกันมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท แต่ในคลังมีงบประมาณเพียง 4 พันกว่าล้านบาท จึงต้องดูตามความเหมาะสม

"ดร.หญิง" ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงปมดราม่าที่เกิดขึ้นกับกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ถึงเรื่องความโปร่งใส, การเบิก-จ่ายที่ล่าช้า รวมไปถึงการได้รับงบประมาณไม่ครบถ้วนหลังสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดได้ยื่นเรื่องทำหนังสือเข้ามา  

ดร.สุปราณี เผยถึง ประเด็นแรก เรื่อง "การยื่นขอเงินสนับสนุนกีฬา" ตนอยากชี้แจงว่า  ก่อนต้นปีงบประมาณ ทางสมาคมกีฬาแห่งจังหวัด และสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย รวมถึงสมาคม สโมสรกีฬาต่างๆ จะส่งโครงการ และงบประมาณที่จะขอรับการสนับสนุนไปที่ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ซึ่งแต่ละฝ่ายจะมีคณะกรรมการพิจารณา กลั่นกรอง รวบรวมคำขอรับงบประมาณส่งเสริม สนับสนุนจากสมาคมกีฬาต่างๆ ก่อน โดยกระบวนการนี้จะขึ้นอยู่กับระยะเวลา การเดินทางของเอกสาร, เอกสารไม่ครบ, เอกสารไม่ถูกต้อง, บางโครงการขอมาผิดวัตถุประสงค์ ฯลฯ สุดท้ายสมาคม ต้องปรับแก้ให้ถูกต้อง ก่อนจะผ่านการพิจารณา

ผู้จัดการกองทุนฯ กล่าวว่า ประเด็นต่อมาเรื่อง "ความโปร่งใส" ซึ่งกระบวนการ เริ่มตั้งแต่การของบจนจบที่การเบิก-จ่าย จะมีคณะกรรมการกลั่นกรองทุกขั้นตอน โดยเริ่มจากที่ กกท. กลั่นกรอง ก่อนจะส่งต่อมาที่กองทุนฯ และส่งไปยังที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรอง ด้านการพัฒนากีฬา และคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ เพื่อพิจารณา โดยปกติถ้าทุกอย่างกลั่นกรองมาแล้ว เข้าเกณฑ์ และข้อมูลชัดเจน บอร์ดกองทุนฯ ก็จะอนุมัติ หลังจากอนุมัติแล้ว ผู้ส่งคำขอ หรือเจ้าของโครงการ จะมาเซ็น MOU กับกองทุนฯ ส่วนการเบิก-จ่าย จะเป็นหน้าที่ของคลังกองทุนฯ ซึ่งคลังกองทุนฯ คือ ฝ่ายการเงิน ที่อยู่ภายใต้การกำกับของ กกท. เพื่อเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ โดยผู้ว่าฯ กกท.เป็นผู้มีอำนาจตามระเบียบคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ข้อ 52 ในการทำเบิก-จ่าย ส่งไปยังคลังกองทุนฯ โดยที่ ผู้จัดการกองทุนฯ  “ไม่มีอำนาจ” ในการ เบิก-จ่าย 

"กกท. จะเป็นผู้รับคำยื่นของบประมาณจากสมาคมกีฬา และกลั่นกรองพิจารณา ก่อนส่งต่อมาที่กองทุนฯ พร้อมกับเป็นผู้รับผิดชอบการเบิก-จ่าย งบประมาณ ดังนั้นกรณีความล่าช้า เงินค้างท่อ และโดนตัดงบต่างๆ เป็นการพิจารณาตามความเหมาะสมของ กกท.”

สำหรับการยื่นคำของบ ผ่านระบบอิเลคทรอนิคส์ ที่กองทุนฯ เพิ่งพัฒนาและจัดอบรมไปนั้น เป็นขานรับนโยบายบอร์ดกองทุนฯ เพื่อช่วยแก้ปัญหาเงินค้างท่อ อำนวยความสะดวก ลดขั้นตอน รวดเร็ว โปร่งใส ตรวจสอบ และติดตามได้ โดยสมาคมกีฬาที่ยื่นของบเข้ามา ระบบข้อมูลจะถูกส่งเข้าไปที่ กกท. ก่อน เพื่อให้พิจารณา ตรวจสอบ และกลั่นกรอง  ส่วนกองทุนฯ จะรับคำขอตรงเฉพาะเรื่องทุนการศึกษา สวัสดิการ และเงินรางวัล ตามมาตรา 42(4) (5) (6) ของ พ.ร.บ. กกท. พ.ศ.2558 โดยมีคณะอนุกรรมการกลั่นกรองด้านสวัสดิการกีฬา ก่อนเสนอต่อบอร์ดกองทุนฯ เป็นผู้อนุมัติ 

ดร.สุปราณี กล่าวอีกว่า ประเด็นเรื่อง "การตัดงบประมาณของสมาคม"  ปัจจุบันมีสมาคมกีฬาจังหวัด 77 แห่ง และสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย 89 แห่ง โดยรวมแล้วสมาคมกีฬาต่างๆ ทั้งหมด ยื่นของบสนับสนุนต่อ กกท. รวมกันมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท แต่ในความเป็นจริง งบประมาณมีเพียง 4 พันกว่าล้านบาท จึงต้องดูตามความเหมาะสม  ดังนั้น ทางกองทุนฯจึงต้องทำงานร่วมกับกระทรวงการคลัง เพื่อให้เห็นกรอบงบประมาณในปีดังกล่าว หลังจากสรุปกรอบงบประมาณได้ที่ 4 พันล้านบาท กองทุนฯ จะแจ้งกลับไปที่ กกท. จากนั้นเป็นหน้าที่ของกกท.ที่จะต้องเขย่าทุกโครงการให้ยอดงบประมาณลดลงมาตามกรอบวงเงินที่กองทุนฯ มีอยู่  ซึ่งการลดงบประมาณ และตัดงบประมาณ ขึ้นอยู่ที่ กกท. พิจารณาตามเกณฑ์ว่าจะจัดสรรงบประมาณให้กับสมาคมกีฬาต่างๆ เท่าไหร่ ซึ่งทางกองทุนฯ ไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย

ผู้จัดการกองทุนฯ กล่าวในตอนท้ายว่า ประเด็นสุดท้ายเรื่อง "เงินค้างท่อ" ซึ่งภายหลังจากที่บอร์ดกองทุนฯ อนุมัติไปแล้ว เงินงบประมาณจะไปค้างอยู่ที่คลังกองทุนฯ โดยผลการเบิกจ่ายภาระผูกพันปี 2565 ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 จำนวน 4,032 ล้านบาท จำแนกเป็น อนุมัติแล้วยังไม่ได้เบิกจ่าย 69 เปอร์เซ็นต์ และเบิกจ่ายตุลาคม-พฤศจิกายน 2565 จำนวน 31 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผลการเบิกจ่ายงบประมาณ 2566 ที่อนุมัติแล้ว ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 จำแนกเป็น อนุมัติแล้วยังไม่ได้เบิกจ่าย 76 เปอร์เซ็นต์ และเบิกจ่ายตุลาคม-พฤศจิกายน 2565 จำนวน 24 เปอร์เซ็นต์

ดร.สุปราณี กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาคอขวดเกิดขึ้นมาตั้งแต่การยื่นของบ และมีการเขย่าโครงการ เพื่อให้ออกจากคอขวด ซึ่งมีจำนวน 77 สมาคมกีฬาจังหวัด และ 89 สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย จึงต้องใช้เวลาพอสมควร และคลังกองทุนฯ ก็มีเจ้าหน้าที่น้อย กองทุนฯ จึงว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญให้เข้ามาช่วยให้รวดเร็วขึ้น โดยหากตรวจเอกสารทุกอย่างสมบูรณ์ กกท.ก็สามารถเบิกจ่ายได้ สำหรับงบปี 2566 ได้เบิกจ่ายไปแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมนักกีฬาสำหรับการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ส่วนสมาคมกีฬาจังหวัดจะขอตรงไปยัง กกท. เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับฝ่ายภูมิภาค

"ที่ผ่านมากองทุนฯ ทำเยอะมากหลายอย่าง ทั้งระบบไอทีที่ช่วยให้สมาคมกีฬาเห็นสถานะว่ากระบวนการของบไปค้างที่ไหน แต่สิ่งที่ผู้จัดการกองทุนฯ และผู้ว่าการ กกท. เน้นมากคือการติดตามโครงการ และการใช้เงินจริง อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดผล ดังนั้นการแก้ไขปัญหานี้จะต้องทำร่วมกัน 3 ฝ่ายคือ สมาคมกีฬา กกท. และกองทุนฯ เพื่อขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิ์ แต่ส่วนตัวยังไม่ท้อ และอยากจะชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ ที่ทำให้เรา และองค์กรเกิดความเสียหาย พร้อมกับหาทางแก้ไขให้ได้"

ด้าน นายปรีชา ลาลุน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ กกท.เปิดเผยว่า ทาง ผู้ว่าการฯ กกท.มอบหมายให้ตนมาดูแลเรื่องการเบิกจ่ายๆ ให้ถึงสมาคมกีฬา ซึ่งทำตามนโยบายพัฒนากีฬาชาติ และการจัดสรรงบจัดเรียงตามความสำคัญตามนโยบาย ตั้งแต่โอลิมปิกเกมส์ เอเชียนเกมส์ ซีเกมส์ และรายการระดับโลก รวมทั้งกลุ่มหน้าใหม่ และกีฬาใหม่ที่จะประกาศในระดับสากล โดย กกท.ได้คุยกับทุกสมาคมกีฬาถึงทิศทางการจัดงบ เปลี่ยนวิธีการยื่นคำขอไปให้ได้ ซึ่งได้แจ้งถึงคู่มือเช็กลิสต์ เอกสารต่างๆ ที่ต้องถูกต้องสมบูรณ์ เพื่อให้การเบิกจ่ายได้และรวดเร็ว

นายปรีชา กล่าวอีกว่า แต่มีบางสมาคมกีฬายังทำเอกสารมาได้ตรงกับแผนที่เสนอมา จึงมีการปรับแผนช่วยให้สามารถอนุมัติได้ตามที่ขอมาหรือเอกสารที่สมาคมกีฬาส่งมาไม่ตรงวัตถุประสงค์ เอกสารไม่ครบ สมาคมกีฬาจึงต้องปรับแก้ไข จึงทำให้เกิดความล่าช้า ถึงจะสามารถเบิกเงินได้ ส่วนงบของปี 2566 ช่วง 6 เดือนแรกตั้งแต่ตุลาคมปีก่อนจนจึงถึงมีนาคมปีนี้ ได้เบิกจ่ายไปเกือบครบแล้ว และจะเร่งทำเอกสารให้ทันภายในเดือนมีนาคมนี้ ส่วนงบปี 2565 เหลือเพียงเรื่องเอกสารที่สมบูรณ์ ถูกต้อง และเป็นสัญญาณที่ดี ตั้งเป้าไม่เกินไตรมาสที่ 3 ของปีนี้จะไม่มีเงินค้างท่อกับสมาคมกีฬาต่างๆ


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport