ผู้บริหารสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยและจังหวัด ร้อง กกท.และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เร่งแก้ปัญหาค้างจ่ายเงิน หลังที่ผ่านมาเบิกจ่ายล่าช้า ได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย จนเกิดปัญหาอย่างหนักในการจัดแข่งขันและส่งนักกีฬาร่วมชิงชัย "ดร.ก้องศักด" ผู้ว่าการกกท. ให้คำมั่น กกท. และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ พร้อมสะสางปัญหาที่้เกิดขึ้น ยันหากแก้ไขไม่ได้ พร้อมพิจารณาตนเองด้วยการลาออก
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นประธานประชุมสรุปผลการดำเนินงานประจำปี 2565 และแผนดำเนินการปี 2566 ตามยุทธศาสตร์สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ที่โรงแรม แกรนด์ โฟร์วิง คอนเวนชั่น เมื่อ 13 ก.ย.65 โดยมีผู้บริหารจากสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ผู้แทนที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานต่างๆกว่า 400 ราย ร่วมหารือ พูดคุย ถึงปัญหาและอุปสรรคในการบริหารงาน
ดร.วิจิตร สิทธินาวิน นายกสมาคมกีฬาไตรกีฬา เปิดเผยว่า เวลานี้เงินงบประมาณด้านการกีฬามีมาก แต่ กลับค้างจ่ายเป็นจำนวนมาก ปีนี้ถือว่าสาหัสที่สุด จากการบริหารจัดการ กองทุนพัฒนากีฬาการกีฬาแห่งชาติ ที่สับสนวุ่นวาย และขัดต่อแผนแม่บท โดยเฉพาะโครงสร้างที่ กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ดูจะมีอำนาจเหนือกว่า และเป็นอิสระจาก กกท. ทั้งๆที่ความจริงแล้ว ผู้จัดการกองทุน ควรจะอยู่ในฐานะเทียบเท่า ผู้อำนวยการกอง และต้องอยู่ภายใต้รองผู้ว่า ฝ่ายบริหาร จึงจะเป็นโครงสร้างที่ถูกต้อง ซึ่งที่ผ่านมา เกิดความเข้าใจผิดในด้านอำนาจหน้าที่ และมองว่า กกท. ควรได้บริหารเงินงบประมาณนี้เอง เพื่อการพัฒนาของกีฬาชาติ อย่างแท้จริง
ขณะที่ ผศ. พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตนทำงานตรงนี้มา 20 ปี ไม่เคยเจอปัญหาในการเบิกจ่ายงบ นี่คือยุคมือของวงการกีฬา มันเป็นเรื่องคับใจสมาคมกีฬาต่างๆ อย่างมาก ภาครัฐฯ เป็นหนี้สมาคมอยู่ 13 ล้าน ไม่เคยเป็นขนาดนี้มาก่อน ตนกำลังจะกระเป๋าฉีก แล้วสมาคมที่เล็กกว่าผมจะเป็นอย่างไร นี่เป็นปัญหาของทุกๆคน ภาครัฐอยากให้เราเน้นเรื่องวิทยาศาสตร์ อยากให้เราคว้าเหรียญมากๆ แต่แค่งบค่าอาหารเสริมนักกีฬาไม่กี่หมื่นบาท เวลานี้ยังเบิกจ่ายไม่ได้ เวลานี้ไม่มีงบส่งนักกีฬาได้ตามจำนวนที่ต้องการ ซึ่งตนไม่รู้ว่า กกท. หรือ กองทุนฯ มีปัญหากันภายในอย่างไร แต่ตนมองว่าผู้ว่า กกท.จะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ด้าน ดร. ก้องศักด ยอดมณี เผยว่า แม้ตนจะได้ต่อสัญญาผู้ว่าการฯอีก 4 ปี แต่ ถ้าแก้ปัญหานี้ไม่ได้อยู่ไม่ครบวาระ 4 ปีข้างหน้าแน่นอน ตรงนี้ ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนฯ ก็มองเห็นถึงปัญหาและพร้อมจะรับฟังข้อมูลไปปรับปรุง และหาทางออกร่วมกัน เพื่อปลดล็อกปัญหาเหล่านี้ ซึ่งถ้าตนแก้ปัญหาไม่ได้จะขอลาออกเอง จากการที่ไม่สามารถช่วยให้วงการกีฬาเติบโตได้